เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ดีเอสไอ หอบสำนวนกว่าหมื่นหน้า ยื่นอัยการ พิจารณาสั่งฟ้องคดีฟอกเงิน-รับของโจร ‘พระธัมมชโยกับพวกรวม 5 คน’ พร้อมนัดฟังคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง 13 ก.ค.นี้ ขณะเดียวกัน สั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาคดี

วันที่ 13 มิ.ย. เมื่อเวลา 14:40 น. ที่ผ่านมา ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงข่าวกรณีพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ รับสำนวนนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวกสมคมกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ

โดย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้เดินทางมายื่นสำนวนกับสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ในเวลา 14.00 น. โดยมีสำนวนคดีทั้งสิ้นจำนวน 32 แฟ้ม 10,672 หน้า

โดยเรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานคดีพิเศษได้รับสำนวนคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีผู้ต้องหารวม 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มีข้อกล่าวหาใน 2 กลุ่ม

ได้แก่ กลุ่มที่ 1 นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อกล่าวหา สมคบกันฟอกเงินและร่วมกับฟอกเงินโดยผู้ต้องหากลุ่มที่ 1 มีการมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 คือ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ในข้อกล่าวหา สมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร โดยผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ยังไม่มารายงานตัว

ขณะที่นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่า สำนักงานคดีพิเศษได้นัดผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 เพื่อมารายงานตัว รับทราบคำสั่งพนักงานอัยการในวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 เวลา 10.00 น.

ซึ่งในวันเดียวกันจะมีความชัดเจน ว่า อัยการจะพิจารณาสอบเพิ่ม หรือสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง ในผู้ต้องหาทั้ง 5 คน อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า การสั่งฟ้องผู้ต้องหาจะต้องมีตัวผู้ต้องหา ซึ่งทางอัยการสามารถที่จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 กลุ่มไม่พร้อมกันได้

ทั้งนี้ หากมีการสั่งฟ้องดีเอสไอต้องกลับไปดำเนินการในการนำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อมารับทราบคำสั่งฟ้องตามหมายจับต่อไป

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความสำคัญและเป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวโดยเฉพาะ

โดยมีนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีนายนภดล บุญศร อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 และพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 อีก 3 คน รวม 5 คน เป็นคณะทำงาน

 

ที่มา – http://www.thairath.co.th/