เป็นที่ตกตะลึงในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก หลังมีการเผยแพร่ภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี ที่มีรูปร่างหน้าตาสวย แต่ที่ทำให้ผู้คนตะลึงเนื่องจาก คุณหมอคนดังกล่าวเป็นผู้ชาย โดยมีชื่อว่า “นายแพทย์ศุภฤกษ์ ศรีคำ”
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี เพื่อพูดคุยกับ นายแพทย์ศุภฤกษ์ ศรีคำ หรือ ท็อปฟี่ อายุ 30 ปี โดยคุณหมอสุดสวยได้เปิดเผยว่า ตนจบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อปี พ.ศ. 2553 และเข้ารับราชการในปีเดียวกัน ที่โรงพยาบาล นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี เพียง 3 เดือน และย้ายมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี 1 เดือน ก่อนจะย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี เมื่อเดือน มิ.ย. 2554 จนถึงปัจจุบันนี้
สำหรับแรงบันดาลใจที่จะแปลงเพศเป็นหญิง นพ.ศุภฤกษ์กล่าวว่า ก็เหมือนกับการที่เราอยากเป็นหมอตั้งแต่เด็ก ความฝันเราก็ยากสวย อยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กเหมือนกันเช่นเดียวกัน เราทำความฝันที่อยากเป็นหมอได้แล้ว พอเราเป็นหมอเรามีกำลังทรัพย์ทุกอย่างที่พร้อม ที่เราจะทำตามความฝันในเรื่องที่เราอยากสวย อยากเป็นผู้หญิง พอทำได้ก็ตัดสินใจทำ ซึ่งมันเป็นความฝันของหลายๆคนที่อยากทำแบบนี้หมายถึง เหมือนสาวประเภทสอง ตนคิดว่าการที่ไม่เป็นตัวเอง ปิดบังซ่อนเร้น ปิดบังบางอย่างอยู่ตัวเราเองก็ไม่มีความสุข เราเป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น เราทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ทำความดี ช่วยเหลือสังคม ซึ่งคิดว่าจะดีกว่าผู้ชายแท้หรือผู้หญิงแท้ เมินเฉยกับสังคมที่ไม่เคยช่วยอะไรเลย
“สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำสวยทั้งหมดประมาณ 8 แสนบาททำในประเทศไทยคลีนิกชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยเริ่มทำสวยทีละอย่าง เพราะเราเป็นหมอเรารู้ดีว่าจะทำพร้อมกันไม่ได้มันอันตราย โดยเริ่มทำมาได้ 3 ปี ในส่วนของผู้บังคับบัญชาก็ยังไม่ได้แจ้งหรือบอกใครว่าแปลงเพศแล้ว พึ่งจะบอกก็วันนี้แหละไม่รู้ว่าจะโดนไล่ออกหรือเปล่า” นพ.ศุภฤกษ์ กล่าว
นพ.ศุภฤกษ์กล่าวอีกว่า เคยมีคนรู้ใจ มีคนมาจีบมาชอบบ้าง อยู่ในวงการแพทย์ด้วยกัน แต่ทุกวันนี้ทำแต่งานไม่มีเวลา สำหรับเรื่องการทำสวยและแปลงเพศ อยู่ในวงการแพทย์จริงๆก็มีอยู่เยอะแต่ไม่ค่อยแสดงตัว ซึ่งแต่งหญิงเลยที่ดังๆก็เป็น “หมอนนนี่” มีชื่อตามบัตรประชาชนว่า นายแพทย์อานนท์ จิตชาติ อายุ 26 ปี เป็นคนศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ที่เคยประกวดมิสทิฟฟานี่ หมอฟันที่เป็นทันตแพทย์ของอุบลฯ ก็มีทางด้านครอบครัว พ่อ แม่ พี่ๆ ก็ยินดีด้วย ทางครอบครัวไม่ได้โฟกัสเรื่องเพศว่าเป็นเพศไหน พ่อแม่จะมองที่ว่าลูกเป็นคนดี คนเก่ง เป็นหมอ พอแล้วไม่ได้ว่าอะไร
ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โลห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพหญิงซึ่งเป็นเพศชายแต่แต่งกายด้วยชุดเสื้อกาวน์ของเพศหญิงในโซเชียลมีเดียพร้อมระบุว่าเป็นแพทย์นั้น ว่า หากบุคคลดังกล่าวเป็นแพทย์จริงก็สามารถแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถทำได้ซึ่งทางแพทยสภาก็ไม่ได้มีการห้ามแต่อย่างใด แต่หากยังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่จะไม่สามารถแต่งกายในลักษณะดังกล่าวได้
พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า หากกรณีเป็นนักศึกษาแพทย์ที่แต่งกายไม่ตรงกับเพศนั้น ปกติอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละมหาวิทยาลัยซึ่งมีกฎระเบียบของตนเอง แต่เมื่อจบเป็นแพทย์แล้วจะถูกดูแลโดยกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ ของตน ซึ่งแพทยสภาจะควบคุมด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ซึ่งมุ่งเน้นถึงการตรวจรักษา และปฏิบัติต่อคนไข้ตามมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้คำนึงถึงเพศสภาพของแพทย์แต่ละท่าน ซึ่งทุกคนสามารถเป็นแพทย์ที่ดี มีคุณธรรม ใช้ความรู้และความสามารถดูแลผู้ป่วย ด้วยความรักและจิตใจเมตตาได้ ไม่แตกต่างกัน โดยไม่สำคัญว่าจะเป็นเพศใด ภายใต้ศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพเดียวกัน
ที่มา – มติชนออนไลน์