เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ภายหลัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลการสอบสวนคดี ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร  ก่อนจะไปพบศพบนภูเหล็กไฟ โดยตำรวจเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ  แต่อาจจะถูกใครบางคนพาขึ้นไปและถูกกระทำด้วยวิธีการใด ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมให้เสียชีวิต ในช่วงระหว่างวันที่ 12 -13 พ.ค.63 จากการขาดน้ำขาดอาหาร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยรายใดได้ โดยตำรวจจะยังคงดำเนินการสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด ต่อไป  ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้ ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการภายใน 1 ปี และหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็ยังดำเนินคดีได้ เพราะคดีมีอายุความ 20 ปี

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังระบุด้วยว่า สำหรับพยานหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์นั้นตำรวจใช้เส้นผมที่พบในที่เกิดเหตุมาตรวจสอบแต่เส้นผมที่พบไม่มีรากผมดังนั้นการตรวจจึงไม่สามารถบ่งชี้ตัวบุคคลได้ ระบุได้เพียงว่าเส้นผมดังกล่าวเป็นเส้นผมฝั่งญาติฝ่ายแม่ของน้องชมพู่  ชี้การมีเส้นผมในที่เกิดเหตุไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนร้าย พร้อมระบุเบื้องต้นทราบตัวคนร้ายแล้วแต่ไม่มีหลักฐานเอาผิด จึงยังไม่สามารถตั้งข้อหาใครได้

 

ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง เนื่องจาก
1. เส้นทางยากลำบาก มีทางขึ้น 4 เส้นทาง แต่ชันเกิน 60 องศา และมีอุปสรรคเนินหินขวางกั้นทุกเส้้นทาง
2. พลังงานไม่เพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าอาหารมื้อเช้าที่น้องชมพู่กินก่อนหายตัวไปคือ ไข่เจียว 3 คำ และน้ำส้ม ไม่สามารถให้พลังงานเพียงพอจะขึ้นเขา ไปจนถึงจุดที่พบศพได้
3. ประสบการณ์ชาวบ้าน ยืนยันว่าเด็ก 3 ขวบไม่สามารถขึ้นไปจนถึงจุดพบศพได้
4. กรณีศึกษาจากการหายตัวไปของนางทิน ซึ่งระยะทางเป็น 2 เท่าของน้องชมพู่ แต่ชาวบ้านก็สามารถหาเจอภายในคืนเดียว
5. ความเห็นของแพทย์ โดยแพทย์นิติเวชมีความเห็นว่า เด็ก 3 ขวบไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเขาเองได้ กุมารแพทย์ ระบุว่าเด็ก 3 ขวบ แม้ห่างไป 200 เมตรยังสามารถเห็นตัวบ้านได้ ไม่น่าจะหลงทาง พัฒนาการของเด็กก็ไม่สามารถไปยังจุดดังกล่าวได้
6. สภาพศพเปลือย ซึ่งบิดามารดายืนยันว่าเด็กถอดเสื้อผ้าเองไม่ได้
7. หลักฐานที่เกิดเหตุ พบเส้นผม/ขน ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 36 เส้น จากการตรวจสอบเป็นเส้นผมของน้องชมพู่เอง ซึ่งถูกตัดเฉือนด้วยมีด เป็นการกระทำของคนอื่น
8. น้องชมพู่กลัวที่สูง ที่มืด สวนป่า สวนยางพารา ไม่เคยไปเล่นไกลบ้าน และพ่อแม่ก็ไม่เคยพาขึ้นภู หรือไปเล่นไกล ๆ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า มีผู้พาน้องชมพู่ไป และทำให้ถึงแก่ความตายไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อม

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังได้สรุป 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ น้องชมพู่หายตัวไประหว่าง 09.11-09.49 น. โดยอ้างอิงจากเวลาดูคลิปวิดีโอสุดท้าย และเวลาที่พี่สาวใช้เฟซบุ๊กเป็นเวลาสุดท้ายก่อนพบว่าน้องหายไป
2. ช่วงเวลาที่เสียชีวิต แพทย์ประเมินจากการเน่าของศพและหนอนที่ชอนไชในศพ คาดว่าจะเสียชีวิตในช่วงวันที่ 12 พ.ค. 63 เวลา 14.30 น. ไปจนถึงวันที่ 13 พ.ค. 63 เวลา 14.30 น. 24 ชั่วโมง จากการสอบถามนักกีฏวิทยาให้ความเห็นว่า หนอนในศพในวันที่แพทย์ผ่าพิสูจน์ หนอนอยู่ในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย เด็กน่าจะเสียชีวิตมา 3 วัน ทั้งนี้ จากการจำลองการเน่าของเนื้อหมู พบว่าบนภูเหล็กไฟอัตราการเน่าจะเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมีความร้อนและความชื้นที่มากกว่า จึงสอดคล้องกับเวลาการเสียชีวิตที่ประเมินเอาไว้
3. สาเหตุการเสียชีวิต พบร่องรอยบาดแผลตามร่างกายหลายจุด บาดแผลที่พบไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ และไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่สามารถระบุได้เนื่องจากสพเน่า แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากการขาดน้ำและอาหาร ไม่พบอาหารในกระเพาอาหาร

ผบ.ตร.ระบุอีกว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดที่น้องสนิทสนม เพราะปกติน้องจะไม่ยอมให้ใครอุ้มหากไม่รู้จักหรือสนิท และคนร้ายอาจจะเป็นคนนอกที่ลงมือกระทำ ซึ่งทั้งนี้ผู้ที่ลงมือจะต้องรู้จักเส้นทางบนภูเหล็กไฟเป็นอย่างดี

ด้าน ลุงพล เปิดใจหลัง ตำรวจแถลง ระบุว่า หลังฟังแถลง น้องชมพู่ หายตัวไป 09.11-09.49 น.ข้องใจตำรวจท่านเอาหลักฐานนี้มาจากไหน รู้ได้ไงว่า น้องสะดิ้ง-ชมพู่ ยังดูคอมฯ อยู่  กังวลเรื่องเวลาหายตัวไปทำไมต้องระบุ ทำไมไม่เชื่อสะดิ้ง  ซึ่งตนเคยระบุไว้ว่า 09.45 น.เป็นเวลาที่ตนเดินทาง ลุงพล ฝากว่า ได้ยินจากผบ.ตร. ดีเอ็นเอตรงกับฝ่ายแม่ ใครที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคือผู้บริสุทธิ์  ฝากถึงพ่อ-แม่ชมพู่ ลุงยังคงเดินหน้าหาคนร้าย พร้อมมีน้ำตาคลอ ถ้าถามว่าใครอุ้มน้องชมพู่ได้บ้าง ก็ต้องบอกว่าญาติทุกคนอุ้มได้ และคนที่น้องไว้ใจ ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ค่อยได้อุ้มน้อง  ส่วนภาพที่มีในออนไลน์ อุ้มน้องเพราะน้องร้อนมาก และน้องเดินลงไม่ได้

 

 

 

 

ขณะที่ ล่าสุด นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ติดตามการแถลงข่าว และกล่าวภายหลังการแถลงว่า พอใจมาก ที่คิดเหมือนเรา และบางทีแม่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบคำถามอะไรบ้าง เมื่อถามถึงความรู้สึก หลังตำรวจบอกว่า จะไม่มีการพัก จะสืบคดีไปเรื่อยๆ นางสาวิตรี ระบุว่า ดีใจ อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า บางครั้งเราไม่ต้องเรียกร้องอะไร ส่วนการที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใคร ท่านก็ตอบแล้วว่า ท่านก็หวังลึกๆ เหมือนกัน ก็เหมือนที่แม่หวัง ส่วนตัวพอใจกับการแถลงหรือไม่ นางสาวิตรี พอใจมากค่ะ อยากขอบคุณตำรวจที่ทำงานทุกวัน ผบ.ตร. บอกแล้วว่า คดีมีอายุความ 20 ปี หลายคนเห็นว่าแม่ไม่ได้ดิ้นรน เรียกร้อง เพราะแม่ไม่ต้องการก้าวก่าย กดดันการทำงานของตำรวจใดๆ ทั้งสิ้น

 

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online