นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ผวจ. บึงกาฬ ร่วมกับพล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก. ภ.จว. บึงกาฬ พ.ต.อ. ปรัชญ์ สุนทรพิมล ผกก.ตชด 24 นาวาเอกนิยม พึ่งโต ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.ต.ท.ศุภกิจ ศรีจำลอง รอง ผกก.ตม.บึงกาฬและนายประสงค์ศักดิ์ บุญมา นายด่านศุลกากรบึงกาฬ แถลงข่าวจับกุมท้าวไซ สีอำพอน อายุ 38 ปี ราษฎรบ้านปากซุน เมืองปากกระดิ่ง แขวงบริคำไซ สปป.ลาว พร้อมด้วยของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง 25 ถุง จำนวน 1,005 แท่ง น้ำหนัก 1,005 กิโลกรัม มูลค่า 30 ล้านบาท ในข้อหาร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 7 มิ.ย จากการสืบทราบของพลตำรวจโท ประพันธ์ จันทร์เอม ผบช.ตชด.สืบทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามน้ำโขงมาส่งให้กับกลุ่มพ่อค้าชาวไทยบริเวณท่าทรายเก่า ใกล้กับไร่สกุลดาวริมน้ำโขง เขตพื้นที่บ้านหอคำ ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้สั่งการให้พ.ต.ท.อนุรักษ์ เสนามาตย์ ผบ.ร้อย.ตชด.244 สนธิกำลังกับ น.ต.อัศวิน อุยสีรักษ์ หน.สถานีเรือ นรข.รัตนวาปี น.ท.ชำนาญ บัวจูม หน.สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ ร.ต.แดง พฤกษชาติ ผบ ร้อยทหารพรานที่ 2109 พ.ต.ต.สิโรดม สนุ่นดี รอง สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬปลัดฝ่ายปกครองเมืองบึงกาฬ ด่านตรวจคนเข้าเมืองบึงกาฬ นำกำลังเข้าดักซุ่มตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะนำยาเสพติดขึ้นมาจากน้ำโขงเข้ามาในราชอาณาจักร
กระทั่ง ส.อ.ยุทธศาสตร์ บุญโนนแต้ หัวหน้าชุดทหารพราน 2109 ได้ดักซุ่มรออยู่ริมถนนสาย 212 บึงกาฬ-ปากคาด พบรถยนต์กระบะไม่ทราบยี่ห้อทะเบียน ได้วิ่งผ่านไปมาตรงทางเข้าท่าทรายเก่าหลายรอบจนผิดสังเกต จังหวะนั้นเองได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนห่างริมโขงประมาณ 30 เมตรพร้อมกับได้ยินเสียงโยนของหนักลงพื้นหลายครั้ง จึงได้คืบคลาน ข้ามถนน ไปดู พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนได้แบกถุงสีดำมาโยนกองอยู่ข้างทางห่างถนนประมาณ 3 เมตร จึงได้แสดงตนเข้าตรวจค้น เมื่อเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ จึงได้วิ่งหลบหนีด้วยความชำนาญลงน้ำโขงขับเรือหนีข้ามฝากไปยังฝั่ง สปป.ลาวแต่ยังสามารถจับกุม ได้ 1 คน ทราบชื่อท้าวไซสีอำพอน อายุ 38 ปี ราษฎรบ้านปากซุน เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว พร้อมถุงสีดำบรรจุกัญชาแห้ง 25 ถุง
สอบสวน ท้าวไซ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกชาวลาวด้วยกัน 10 คน ได้รับจ้างขนกัญชาจากนายทุนชาวลาวด้วยกันข้ามมาจากบ้านปากทวย ฝั่งสปป.ลาว เพื่อมาส่งให้กับพ่อค้าชาวไทย โดยจะได้รับค่าจ้างคนละ 10,000 บาท ซึ่งตนเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนั้นส่งเพียง 200 กิโลกรัม ได้เงินค่าจ้าง 5,000 บาท แต่คราวนี้มาถูกจับกุมได้เสียก่อนจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หอคำ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
