เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 19 มิถุนายนนี้ พ.ต.อ.จุมพลพัทร์ ปัญญาพลตระกูล ผกก.สภ.จักราช จ.นครราชสีมา, พ.ต.ท.เสรี คงยืนยง รอง ผกก.สส. พร้อมชุดสืบสวน สภ.จักราช ร่วมกับชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมตัวนายอุดมทรัพย์ ล้อมแก้ว หรือสารวัตรโจ้ ขณะหลบซ่อนตัวที่บ้านญาติในบ้านหนองคล้า ต.จักราช อ.จักราช ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาปืนไปในหมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ข่มขืนใจผู้อื่นให้มีการกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้ตกใจกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพโดยมีอาวุธ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ แซ่หว่อง อายุ 41 ปี อาชีพรับเหมาตกแต่งภายใน ได้เข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางโพงพาง ว่าถูกชายอ้างตัวชื่อ “สารวัตรโจ้” ใช้อาวุธปืนข่มขู่ พร้อมนำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวมามอบเป็นหลักฐาน โดยให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนขับรถไปส่งแฟนสาวที่ย่านพระราม 3 ก่อนขับรถไปดูงานที่สีลม ใช้เส้นทางถนนพระราม 3 ขาออก จนถึงทางแยกจึงเลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดา-พระราม 3 มุ่งหน้าเส้นเซ็นทรัลพระราม 3 แต่ขณะกำลังจะเลี้ยวขวา รถคู่กรณีเป็นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ที่วิ่งมาจากพระราม 3 ฝั่งขาเข้า ได้เลี้ยวเข้ามาพร้อมกัน ตนเกรงว่ารถจะชนกัน จึงได้เร่งเครื่องแซงปาดหน้าขึ้นไป พร้อมเปิดกระจกยกมือขอโทษ
ปรากฏว่ารถคู่กรณีได้ไล่ตามรถของตน ถึงช่วงใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ รถคู่กรณีได้เร่งเครื่องแซงจอดปาดหน้า ก่อนจะเปิดประตูเดินลงมาพร้อมถืออาวุธปืน ด่าทอด้วยคำหยาบคาย และพยายามดึงกุญแจรถ แต่นายกิตติศักดิ์ยื้อแย่งไว้ ชายผู้นั้นจึงพูดว่า “ถ้าเป็นตอนกลางคืนกูฆ่ามึงแล้ว” จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถขับจากไป หลังเกิดเหตุ นายกิตติศักดิ์โทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟัง และส่งคลิปให้เพื่อนแชร์ลงเฟซบุ๊ก ก่อนไปแจ้งความตำรวจเนื่องจากเกรงจะไม่ปลอดภัย
ตำรวจสอบพบว่า ชายที่ขับรถฮอนด้า แจ๊ซ และถือปืนข่มขู่ ตามที่ปรากฏในคลิปแพร่อยู่ในโลกโซเชียล คือนายอุดมทรัพย์ ล้อมแก้ว ไม่ใช่ตำรวจตามคำกล่าวอ้าง และพบว่าเคยมีประวัติถูกจับหลายคดี ทั้งปลอมตัวเป็นตำรวจ คดียาเสพติด พกพาอาวุธปืน
หลังจับกุมนายอุดมทรัพย์ได้ ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ในเบื้องต้นนายอุดมทรัพย์ให้การรับสารภาพว่า เป็นชายที่ถือปืนขู่คู่กรณีตามที่ปรากฏในคลิป โดยที่อ้างว่าเป็นสารวัตรโจ้ ก็เพื่อต้องการให้คู่กรณีเกรงกลัว หลังจากนั้นตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำตัวนายอุดมทรัพย์ส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางโพงพางดำเนินคดีต่อไป.
ที่มา – http://www.thaipost.net/