มีการวิจัยหนึ่งกล่าวว่าตัวแปรที่จะเพิ่มหรือลดความรวดเร็วในการหนีไฟมี 3 ส่วนด้วยกันคือ พฤติกรรมการหนีไฟในบันไดหนีไฟ , ความแข็งแรงของผู้หนีไฟ , และการมองเห็นเมื่อหนีไฟอยู่ในบันไดหนีไฟ เพราะฉะนั้นเราควรจะต้องเข้าใจวิธีการหนีไฟที่ดีเสียก่อน ดังนี้
1.ผู้ที่อยู่บนชั้นสูงไม่ควรหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าหรือหลังคา เพราะไม่มีใครจะทราบได้ว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับจริงหรือไม่ ถ้ามีเฮลิคอปเตอร์มารับ ก็เป็นไปได้ที่เฮลิคอปเตอร์จะไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ ซึ่งทำให้การบังคับเครื่องเป็นไปอย่างลำบาก ดังนั้นตามอาคารสูงส่วนมากจะเตรียมแผนต่างๆให้คนอพยพลงสู่ด้านล่างของตึกเสมอ
2.ไม่ควรใช้ลิฟท์ขณะไฟไหม้ ตามปกติลิฟท์จะถูกกำหนดให้ไปหยุดในชั้นที่ได้กำหนดไว้ แต่ในบางกรณี ลิฟท์จะไปหยุดอยู่ที่ชั้นที่ไฟไหม้อยู่ได้ นอกจากนี้การใช้ลิฟท์ยังไม่ปลอดภัยเพราะควันไฟอาจเข้าไปในตัวลิฟท์ได้อีกด้วย
3.สำหรับผู้พิการ อาคารสูงต้องมีพื้นที่หลบภัยในแต่ละชั้นเพื่อให้ผู้พิการเข้าไปหลบอยู่ได้ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้ามาย้ายตนเองออกไป ซึ่งในบริเวณที่หลบภัยเหล่านี้มักจะมีเครื่องมือสื่อสารสำหรับติดต่อภายนอกได้
4.ต้องพยายามไปปิดประตูเพื่อกันไม่ให้ควันเข้ามาได้ หลังจากนั้นใช้โทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อบอกตำแหน่งของตนเอง ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วย พยายามทำสัญญาณให้ผู้อื่นทราบตำแหน่งโดยการใช้ผ้าสีโบกที่หน้าต่างแต่ไม่แนะนำให้ทุบกระจก ถ้าเปิดกระจกได้แนะนำให้เปิด เพราะการเปิดกระจกทำให้อากาศบริสุทธิ์ข้างนอกได้
หนทางที่ต้องตัดสินใจเมื่อติดอยู่บนอาคารสูงที่เกิดเพลิงไหม้
1. ทำตามแผนหนีไฟฉุกเฉิน และรีบออกจากตึกทันที
2. ทำตามแผนหนีไฟฉุกเฉิน และหยุดอยู่กับที่ที่คุณอยู่หรือลงไปอยู่ชั้นต่ำกว่าชั้นที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไป เช่น การพยายามแจ้งจุดที่คุณอยู่ให้เจ้าหน้าที่ทราบ การปิดหน้าต่างและประตูเพื่อกันควันไฟเข้ามา เป็นต้น
ที่มา – http://dpm.nida.ac.th , ndmadmin
by TVPOOL ONLINE



