คืนดีกันแล้ว “แตงโม นิดา” ให้โอกาส “นิก คุณาธิป” ได้ไปต่อ

ทำเอาแฟนๆ ถึงกับงงกันเป็นแถวๆ กับเรื่องราวของความรักทั้งคู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะหลังจากที่วันก่อน “แตงโม นิดา” ได้ออกมาโพสต์ภาพดอกกุหลาบสีขาวดำ พร้อมเขียนว่า สุขสันต์วันโสด ซึ่งทางด้าน “นิก คุณาธิป” เองก็ได้โพสต์ว่า คนโสด 2020 พร้อมบอกว่า ตนได้เลิกกับ แตงโม แล้ว ซึ่งเรื่องนี้สร้างความตกใจให้กับแฟนๆ อย่างมาก

แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมา หนุ่มนิก ก็ได้โพสต์ข้อความง้อสาวแตงโมให้กลับมาคืนดีกัน และสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี พร้อมกับขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ตกใจ พร้อมทั้งให้คำสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรวู่วามแบบนี้อีกแล้ว ด้าน แตงโม เองก็ได้ให้อภัย และจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ล่าสุด ”แตงโม นิดา” ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนนั้นงอนกันนิดหน่อย ต้องขอโทษด้วย และตอนนี้กลับไปคุยกันเหมือนเดิมแล้ว ส่วนเรื่อง นิก บอกว่า เป็นซึมเศร้านั้น อาจจะเป็นช่วงเริ่มแรก เพราะช่วงนี้เครียด ออกไปไหนไม่ได้ ต้องกักตัวเลยทำให้เป็นซึมเศร้านิดๆ

“งอนๆ กันนิดหน่อยและก็ดีกัน ไม่มีอะไร ต้องขอโทษสำหรับคนที่คอยติดตามข่าวเราและทำให้ตกใจด้วย โมต้องขอโทษมากๆ สัญญาค่ะว่าทำอะไรจะไม่วู่วามอีกแล้ว ตอนนี้โมก็ได้ลบแฮชแท็กออกไปแล้ว และก็ได้ลงข้อความเกี่ยวกับการให้โอกาสด้วย”

แสดงว่าตอนนี้เรากลับไปคุยกันเหมือนเดิมแล้ว?

“ใช่ค่ะ”

จริงไหมที่ก่อนหน้านี้เราสองคนมีปัญหากันมาตลอด?

“ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ แต่อย่างล่าสุดที่เราคุยกัน เราก็ถามกันตรงๆ เลยนะคะว่า ตกลงแล้วเราจะไปต่อไหม หรือจะเอายังไงดี เพราะเอาจริงๆ โมเองก็เคยเป็นคนคนหนึ่งที่เคยไม่ได้รับโอกาสมาก่อน

และโมก็รู้ด้วยว่าการที่เป็นแบบนั้นมันทรมานแค่ไหน ดังนั้นถ้าหากเรารู้ว่าเราเป็นโลกทั้งใบของใครสักคน เราอย่าไปตัดเขาออกจากโลกของเขาเลยค่ะ เราต้องเดินต่อไป”

ณ เวลานี้ เรากับนิกมีความรู้สึกให้กันยังไงบ้าง?

“เราก็ไว้ใจกันมากขึ้น มั่นใจในตัวของกันและกันมากขึ้น เหมือนต่างคนต่างก็มีบทเรียนของตัวเอง บทเรียนที่เกิดจากความใจร้อนวู่วาม ก็คงจะต้องใจเย็นกันมากขึ้น และคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นค่ะ”

ขออนุญาตถามถึงอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้าของนิก ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“น่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นค่ะ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบเขาเองก็มีหลายๆ เรื่องที่ทำให้เครียด แถมช่วงนี้เขาไม่ได้ออกไปไหนเพราะต้องเก็บตัว มันก็เลยทำให้เขามีอาการซึมเศร้าเกิดขึ้น

แต่ว่าทุกอย่างยังอยู่แค่ในช่วงเริ่มต้นนะคะ ยังไม่ต้องรับยา แต่ก็ต้องคอยสังเกตอาการกันตลอด ชวนเขาพูด ชวนเขาคุย ไถ่ถามเขาบ้างถ้าเราทำได้”