เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกโซเขียลในเวลานี้สำหรับกรณีของ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” โกงเงินค่าตัว และส่วนแบ่งของนักร้องหนุ่ม ที่มาร่วมฟิเจอริ่งอย่าง “เก้า เกริกพล” ในเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว “ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่มียอดวิวในยูทูบสูงถึง 350 ล้านวิวแล้วในขณะนี้ ซึ่งเบื้องต้นมีสัญญาใจต่อกันว่าจะให้ส่วนแบ่ง 70-30 โดยงานนี้คู่กรณีก็คือเจนนี่ กับนักร้องหนุ่ม “เก้า-เกริกพล เพชรรัตน์” ต่างก็ผลัดกันออกมาโต้ตอบแบบมองต่างมุมชนิดที่เหมือนกับหนังคนละม้วนเลยทีเดียว

ทางฝั่งเจนนี่ ยืนยันว่าไม่เคยโกงค่าตัวพร้อมทั้งได้งัดหลักฐานการโอนเงินมาโพสต์บนเฟซบุ๊กเพื่อยืนยันว่า “ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อของน้อง โทรมาขอแบ่งยอดวิว 30% จากรายได้ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสมซึ่งทางค่ายตอบไปว่าให้ไม่ได้ เพราะไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก แต่ถึงแม้ว่าทางค่ายไม่แบ่งค่ายอดวิวให้น้องก็จริง ตอนเพลงดังใหม่ๆ ก็เคยโอนเงินไปให้เพิ่ม 20,000 บาท แต่ทางน้องไม่สบายใจที่จะรับและโอนคืนมา โดยที่น้องไปหาเลขบัญชีมาจากไหนก็ไม่รู้ เราไม่เคยนิ่งเฉยกับน้อง เพราะน้องเป็นเด็กน่ารัก

ทุกวันนี้ยังเสียดายที่น้องไม่ได้อยู่ในค่าย มีงานรีวิวเข้ามาเราเคยขายงานน้องให้โดยไม่หักค่านายหน้าเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท มีงานคอนเสิร์ตเข้าก็ขายงานให้น้องตลอด แต่เนื่องจากน้องอยู่ กทม. เจ้าภาพจึงสู้ราคาไม่ได้ เพราะต้องมีค่าเดินทางเพิ่ม เราจึงไม่ได้ออกงานคู่กันเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่มีผู้ใหญ่ฝั่งน้องโทรไปให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับเพจตลาดล่าง แทนที่จะมาพูดกับทางเราตรงๆ” ถัดจากนั้น ฝั่งตรงข้ามก็สวนหมัดกลับทันควัน ด้วยการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้ทีละประเด็น โดยเฉพาะประเด็นค่าส่วนแบ่งยอดวิวยูทูบ 70-30 ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าตกลงกันไว้แบบนั้นจริง เพียงแต่ไม่มีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร

“หลังจากเพลงลงยูทูบ ติดชาร์จอันดับ 1 มียอดวิวหลายล้าน จนถึงยอดวิวเกิน 10 ล้าน ผมโทรไปหาเขา และบอกว่าเพลงน่าจะถึง 100 ล้านวิวแน่นอน พร้อมแสดงความดีใจกับเขา แต่คำที่ได้ยินจากเขา คือ เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของผม เป็นเพลงของลิลลี่ แต่คำสัญญาที่เขาให้มาก่อนหน้านั้น ทำไมกลับคำ

สำหรับประเด็นที่เขาบอกว่าพ่อผมโทรไปขอส่วนแบ่ง 30% ด้วยคำพูดไม่เหมาะสม จนทำให้พ่อผมโดนด่าและด่ายันตระกูล วันนั้นที่พ่อโทรไป ครอบครัวได้ยินกันหมด พ่อบอกว่าเพลงมีคนดู 100 ล้านวิวแล้วนะ มีอะไรจะให้น้องบ้าง แม้แต่คำขอบคุณยังไม่มีให้น้องเลย แต่เขาพูดว่า พ่อต้องการเท่าไหร่ เป็นคำพูดที่ไม่น่าพูดกับคนอายุสูงกว่า สมควรพูดแบบนี้ไหม หลังจากคุยกันเสร็จ เขาขอบคุณผมมา และโอนเงินมาให้ 20,000 บาท หลังจากที่พ่อผมโทรไป แต่ผมโอนเงินกลับ เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้ให้ด้วยใจ ขอถามว่าถ้าพ่อผมไม่โทรไป เขาจะคิดถึงผมไหม”

สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้น ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ และประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ออกมาโพสข้อความลงในเฟซบุ๊กระบุว่า “กรณี #เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น เป็นเรื่องที่เห็นว่าเกิดปัญหาจากความไม่ชัดเจนกันเพราะไม่ทำบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้

แต่ถ้าคิดแค่ว่าไม่มีสัญญาแล้วไม่ต้องจ่าย #เก้าห้าร้อย ก็ได้นั้นเจนนี่คิดง่ายไปหน่อยนะ ยิ่งไม่ทำสัญญาอะไรไว้นั้นแหละเจนนี่จะยิ่งเสียเปรียบ”

by TVPOOL ONLINE

TV Pool Online