อุษามณี ไวทยานนท์ ชื่อเล่น ขวัญ แต่มักเรียกว่า ขวัญ มีชื่อจริงว่า อุษามณี พูลเกิดเดิมบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2531 บิดามีอาชีพรับราชการตำรวจ ชื่อ ด.ต.เกษม พูลเกิด (เสียชีวิตแล้ว) เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ กับมารดาชื่อ ปราณี ไวทยานนท์ มีเชื้อสายไทย-มอญ-แขกขาว เธอมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ เขมรัสนี พูลเกิด ชื่อเล่น ลูกแก้ว ซึ่งเกิดห่างกับเธอ 6 ปี ชีวิตในวัยเด็กของเธออยู่กับพ่อแม่เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ นอกบ้านมากนัก ปัจจุบันชื่อของ ขวัญ อุษามณี คือหนึ่งในนางเอกแถวหน้าของเมืองไทย และด้วยความสวยของเธอ ทำให้ได้รับฉายาจากบรรดาสื่อมวลชนว่าเป็น “นางเอกบาร์บี้” หรือนางเอกหน้าตุ๊กตา
การศึกษา
- อนุบาล โรงเรียนถนอมพิศวิทยา
- ประถมศึกษาปีที่ 1-4 โรงเรียนถนอมพิศวิทยา
- ประถมศึกษาปีที่ 5-6 โรงเรียนแม่พระฟาติมา
- มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนแม่พระฟาติมา
- มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบดินทรเดชา
- มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 โรงเรียนแม่พระฟาติมา
- พ.ศ. 2553 – จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- พ.ศ. 2558 – จบการศึกษาระดับปริญญาโท คณะบริหารธุระกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
การเข้าวงการบันเทิง
อุษามณีได้รับการทาบทามและแนะนำจากทีมงานนักแสดงตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยเริ่มจากงานเดินแบบ และเล่นละคร ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ “พ่อจ๋า แม่ขา ลูกรัก” จนได้รับงานแสดงทั้งของช่อง 3 และช่อง 7
ในปี 2547 อุษามณีได้ทำสัญญาเป็นนักแสดงของช่อง7 โดยเรื่องแรกหลังการเซ็นสัญญานั้นคือ “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 2 ตอนแม่มดน้อยตัวป่วน” ซึ่งเธอรับบทนางร้ายเป็นเรื่องแรก เรื่องต่อมา “อกธรณี” เธอได้เล่นเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก และส่งผลให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากละครประสบความสำเร็จอย่างมาก (เรตติ้ง 22)
ต่อมาอุษามณีได้แสดงในเรื่อง “ขิงก็ราข่าก็แรง” ที่ทำให้เกิดวลีติดปากอย่าง ‘แม่ไม่ปลื้ม… จบ’ ส่งผลให้ละครเรื่องนี้เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของปี 2549 โดยตอนจบเรตติ้งสูงสุดถึง 24 และเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 17 และถือเป็นนางเอกที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งที่ได้เข้าชิงรางวัล “ดารานำหญิงยอดเยี่ยม” จากเวทีประกาศรางวัลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับสูงสุดในสมัยนั้นอย่าง Top Awards เทียบเคียงนางเอกแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง อั้ม พัชราภา อ้อม พิยดา และแอน ทองประสม หลังจากนั้นชื่อเสียงของอุษามณีก็ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆของเมืองไทยทันที
ต่อมาปี 2554 อุษามณีได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทร้ายอีกครั้งกับบท อินตรา (ในร่างมนชญา สลับกับปุณยาพร พูลพิพัฒน์) จากละครเรื่อง “เพลิงพรหม” ที่สามารถทำเรตติ้งตอนจบสูงถึง 20 จนคว้ารางวัลร้ายได้ใจ จากสยามดารา อวอร์ด 2011 และในปีเดียวกันนี้ ขวัญ อุษามณี ได้รับโอกาสจากคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ หัวเรือใหญ่ของช่อง 7 สมัยนั้น ให้สวมบทบาทนางเอกในละครฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท “ฟ้าจรดทราย” และใช้เวลาในการถ่ายทำนานกว่า 3 ปี ก่อนจะออกอากาศในปี 2556 แม้ละครฟ้าจรดทรายจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านเรตติ้ง แต่ละครได้สร้างกระแสอย่างมาก ส่งผลให้ ขวัญ อุษามณี ได้รับรางวัล “นางเอกที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี” จากเวที MThai Top Talk 2014
ต่อมาปี 2558 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทบาทนางเอกสุดแรงกับบท ชิดชบา จนคว้ารางวัล “นักแสดงนำหญิงเจ้าบทบาท” จากสยามบันเทิง 2015 และรางวัลเมขลา 2559 และในปี 2560 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือบทร้ายเต็มตัวอีกครั้งในบท “พิตะวัน สัจจามาตย์” ในละครเรื่อง “มายา”
ในปี 2561 อุษามณีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาการเป็นนักแสดงกับช่อง 7 และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เพื่อทุ่มเทเวลาในการประกอบธุรกิจส่วนตัว ผลงานละครเรื่องสุดท้ายกับช่อง 7 คือ ไฟหิมะ
by TVPOOL ONLINE