เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2512 (52 ปี) ที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพี่ชาย 1 คนและน้องสาว 1 คน พื้นเพครอบครัวเป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจาก โรเงรียนนวมินทราชูทิศพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ และปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เกตุเสพย์สวัสดิ์ยังทำธุรกิจส่วนตัว คือ หุ้นส่วนร่วมธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ในชื่อ เนื้อทอดเทวดา และมีบริษัทผลิตสื่อและออนไลน์คอนเทนต์ของตัวเองในชื่อ Nanake555
ย้อนประวัติ “น้าเน็ก” กว่าจะมาเป็นพิธีกรฝีปากกล้า จนถึงที่ปรึกษาในรายการ”อย่าหาว่าน้าสอน”
“น้าเน็กก็เป็นใครคนหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมทีวีตั้งแต่งานเบื้องหลัง ทำทุกตำแหน่งเลยยกเว้นแต่งหน้ากับคอสตูม แล้วก็ด้วยจังหวะชีวิตที่จับพลัดจับผลูได้มาทำเบื้องหน้ากับหน้าที่พิธีกร พร้อมๆ ทำงานเบื้องหลังไปด้วยในฐานะผู้ผลิตรายการครับ ผ่านวันเวลามาประมาณ 20 กว่าปี มาถึงวันที่มีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็คือออนไลน์ ด้วยความที่เราเป็นคนทำคอนเทนต์ ตรงไหนที่เป็นโอกาสใหม่ๆ คนดูไปอยู่ที่ไหนเราก็ต้องตามคนดูไปที่นั่น วันนี้เลยนอกจากงานในรายการทีวีดิจิทัล ก็มีช่องทางออนไลน์ ซึ่งรูปแบบแนวออนไลน์ และวิธีการนำเสนอก็จะแตกต่างจากคนดูทีวีทั่วไป เพราะออนไลน์ต้องการสื่อสารแบบ Interactive คนสามารถดู และคอมเมนต์ ถามคำถาม โทรมาถามได้ ไลฟ์สด ก็คือออกอากาศสด 5 ชั่วโมง”
“ก็เลยทำให้ทุกวันนี้เรามี 2 บทบาท ทั้งในทีวีดิจิทัลที่ทุกคนคุ้นเคย กับงานในออนไลน์ที่ทุกคนสามารถจับต้องเราได้ คอนเทนต์ในออนไลน์อาจจะไม่บันเทิงสักเท่าไร แต่เป็นเรื่องของการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือผู้คน เพื่อทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นด้วยประสบการณ์ที่เราทำงานและมีชีวิตอยู่มานาน ก็มีเรื่องที่จะถ่ายทอด ในแง่ตอบปัญหาชีวิต ความรักก็จะอยู่ในคอนเทนต์ที่เรียกว่า ‘อย่าหาว่าน้าสอน’ ในแง่ที่เป็นปัญหาเรื่องเพศคือ ‘หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว’ ปัญหาเรื่องการเงินใน ‘คุยต้องรวย’ เรื่องกฎหมายก็เป็น ‘เรื่องมวลชนกับทนายมนต์ชัย’
และล่าสุด คนมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ตกงานต้องมาทำอาหารเดลิเวอรี่โฮมเมด เราก็ใช้เพจเราเป็นศูนย์กลางในการแนะนำให้คนรู้จักอาหารเจ้านี้ก็เป็นเหมือนรีวิวอาหารชื่อว่า ‘มหากาพย์ไลฟ์สดรีวิวอาหารช่วยชาติ’ สังเกตว่าในทุกคอนเทนต์ของแชนแนล NANAKE555 จะเป็นงานปรึกษา แก้ปัญหา และช่วยคลี่คลายในวิธีการแล้วแต่คอนเซ็ปต์ของแต่ละรายการ รูปแบบการทำงานมันจะต่างออกไปจากทีวีทั่วไป คือ มีการสัมผัสชีวิตผู้คนอย่างจริงจัง รู้เลยว่าใครดูเราอยู่ และผู้คนทุกวันนี้ก็ต้องการอะไรที่มากกว่าบันเทิงคือการแก้ปัญหา ในสื่อออนไลน์ก็เลยตอบโจทย์ครับ” น้าเน็กกล่าวถึงประวัติของตนและผลงานในปัจจุบัน
คิดว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้ “น้าเน็ก” ประสบความสำเร็จในชีวิต
น้าเน็กกล่าวถึงชีวิตการทำงานว่า “ในทุกจังหวะชีวิต ในทุกกาลเทศะ ในทุกบทบาทที่น้าเน็กเป็นมาจากวัยรุ่นจนถึงแก่ป่านนี้ เราคิดเสมอว่า “มันจะดีกว่านี้ได้ยังไง” วันที่ทำคอนเทนต์แบบสนุกสนานแบบตลกโปกฮาก็เล่นใหญ่ใส่เต็มสุดทุ่มเทเต็มที่ ในวันที่เราโตขึ้นเพิ่มเติมบทบาทใหม่ๆ ในชีวิต และมาในวัยที่ผมไม่สีแล้ว ใส่สูท ไม่แต่งตัวจัด ไม่คึกคะนองเหมือนเดิมแล้ว เรามาทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน แต่ก็อยู่บนหลักเดิมว่า ทำยังไงมันจะดีขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้ทุกวัน พอเราตั้งเป้าว่ามันจะดีกว่าเดิมได้ยังไง ด้วยกระบวนการการคิด ด้วยวิธีการเตรียมตัว และวิธีการที่เรานำเสนอออกไปมันก็จะดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ พอได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เราก็ได้รับการตอบรับจากผู้คนตลอดเวลา
ผมรู้สึกว่าคำว่าประสบความสำเร็จที่แท้จริง ต้องดูกันไปยาวๆ เพราะเราไม่รู้ว่า เราจะพลาดวันไหนจริงๆ ในการตอบปัญหาชีวิตผู้คนก็จะมีเรื่องใหม่ๆ ที่ยากเย็นเข้ามาเรื่อยๆ ตราบใดที่เราทำได้ดีเหมือนเดิมก็โอเค ตราบใดที่สิ่งที่เราแนะนำไปมันส่งผลร้ายหรือใช้คำว่าพลาดวันนั้นก็คงเป็นวันที่เราจะต้องทบทวนการทำงานของตัวเองใหม่ งานที่ทำอยู่เราจึงการ์ดตกไม่ได้ มันโคตรท้าทายมาก ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรในทีวีดิจิทัล หรืองานในออนไลน์ก็ต้องการชุดความคิดที่ต้องบอกตัวเองเสมอว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้ได้ยังไงเพื่อไม่ให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เราสร้างไว้ ซึ่งนับวันก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ”
คติประจำใจของ “น้าเน็ก”
“ผมดำเนินชีวิตด้วยเหตุผล 4 ข้อ ซึ่งเผอิญไปตรงกับปรัชญาญี่ปุ่นที่เรียกว่า อิคิไก (IKIGAI) แปลว่าเหตุผลในการมีชีวิตจะประกอบไปด้วย 4 ข้อ คือ 1 อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก 2 ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด 3 เลี้ยงชีพได้ และข้อสุดท้ายคือ 4 ดีต่อผู้คน นี่คือคติ 4 ข้อที่จะทำแบบนี้ไปตลอดทั้งชีวิต” น้าเน็กส่งท้ายการสัมภาษณ์ด้วยคติประจำใจ
by TVPOOL ONLINE