ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ มีคดีการเมืองสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการเมืองไทย โดยมี 3 คดีสำคัญที่อยู่ในวาระการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ประกอบด้วยมาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 ซึ่งเกี่ยวกับการเลือกสว.ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 09.30 น.
กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
กรณีนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในความผิดฐานละเมิดศาล ซึ่งอาจเป็นเหตุให้นายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้คู่กรณี ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย.นี้ และกำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.นี้
กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคภายในกำหนด 10 ปี โดยกล่าวหามีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญคำสั่งให้ กกต. ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุ พยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย.2567 และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไป ในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.
นอกจากนี้ ในวันที่ 18 มิ.ย. อัยการสูงสุด นัดส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต่อศาลอาญา ในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกาหลีใต้ ซึ่งเดิมอัยการสูงสุด เคยสั่งฟ้องเมื่อปี 2558
โดยวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวได้ตรวจพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในวันดังกล่าว พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้อง นายทักษิณ ต่อศาลได้ เนื่องจากนายทักษิณ ไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด โดยได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ เนื่องจากป่วยโควิด-19
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณ ก็มีการยื่นขอความเป็นธรรมอีกครั้ง สาระสำคัญสรุปว่า คณะกรรมการสอบสวนขณะนั้น ถูกข่มขู่จากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนขาดความเป็นอิสระในการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี ทำให้นายทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาสั่งคดีจากอัยการสูงสุด จึงขอให้อัยการสูงสุด ทบทวนการสั่งฟ้องตาม ป.อาญามาตรา112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้ง เพื่อความยุติธรรมด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พี่พร ปล่อยโฮตัดพ้อ ไร้งานไร้เงิน วอนขอโอกาสอีกครั้ง
by TVPOOL ONLINE