เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

น้อยหน่า ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว แม่ใช้รูปภาพตนเอง ไปตั้งโปรไฟล์ไลน์ และก็มีคนทักมาชมบ่อยว่าลูกสาวสวย หลังจากนั้นแม่ก็ใช้รูปตนตั้งโปรไฟล์มาตลอด โดยให้เหตุผลว่าลูกค้าชอบ เวลาใช้คุยงานง่ายดี แต่หลัง ๆ พบว่าแม่มีการคุยโทรศัพท์บ่อยขึ้น ตนก็เลยเริ่มแอบฟัง พบว่าแม่คุยกับผู้ชาย มีการคุยแบบหยอกล้อกัน บางวันทะเลาะกับคนในสาย มีอยู่วันหนึ่งแม่ชวนเอาของไปให้ผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฎว่าไปถึงแม่บอกตนว่าอย่าพูดอะไร ถ้าเกิดเขาถามก็ให้พยักหน้า และยิ้มให้ก็พอ ตนก็เอะใจพอไปถึงผู้ชายพุ่งเข้ามาคุยกับตนคนแรก ตอนนั้นก็เริ่มสงสัยแต่ยังไม่ได้ถามแม่ 

 

หลังจากนั้นผ่านมาได้ไม่นาน วันนั้นคือวันวาเลนไทน์ แม่ก็ชวนไปกินข้าวกับผู้ชายคนเดิมชื่อ “คิง” อยู่ลำสาลี พอไปถึงเจอเขาอยู่ที่โต๊ะพร้อมช่อดอกไม้ แม่ก็บอกให้รับไว้ไม่ต้องพูดอะไร เขาก็ขอถ่ายรูปคู่ และเอารูปไปโพสต์หน้าเฟซบุ๊กฝ่ายชาย

 

หลังจากนั้นเวลาผ่านมาเป็นปี แม่ก็ชวนไปกินข้าวอีก พอไปถึงเพื่อนฝ่ายชายเต็มโต๊ะ จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า แม่ผมจริงจังนะ เดี๋ยวปีหน้าผมขอเลยนะ ตนก็เริ่มคิดว่ามันไม่ใช่ แม่ต้องใช้รูปตนไปคุยกับผู้ชายแน่ จึงสั่งให้แม่เลิกคุย และแม่ก็รับปากว่าจะเลิกคุยให้

 

แต่หลังจากวันนั้นเขามาบ้านบ่อยมา แต่เขาไม่เจอตน แม่ก็ใช้จะให้เหตุผลว่าลูกไปทำงานยังไม่กลับบ้าน ซึ่งจริง ๆ แล้วตนอยู่บ้าน แต่ตนไม่อยากเจอ บางครั้งเขามาด้วยอารมณ์โมโห ซึ่งอาจทะเลาะกันในแชตกับแม่มาก่อน ตนไม่กล้าบอกความจริงนายคิง เพราะกลัวเขามาทำร้ายคนในบ้าน จึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเลย

 

แม่ใช้รูปภาพตนไปคุยกับคนอื่นเรื่อย ๆ เพราะแม่จะส่งไลน์มาให้ตนบล็อคคนอื่นอยู่เรื่อย บอกไม่อยากให้เขารู้โปรไฟล์จริง กลัวคนอื่นเข้าใจผิด ผ่านมาสักพักแม่ก็ชวนเข้าไปคุยกับช่างที่มาทำบ้านที่บางพลี พอไปถึงแม่ก็บอกคนนี้ชื่อ “ทอม” เขามาถามอะไรก็ไม่ต้องพูด ให้พยักหน้าและยิ้มเหมือนเดิม พอคุยเรื่องบ้านเสร็จก็กลับมาคุยกับเขาจริงจังว่าให้หยุดใช้รูปตน แม่ก็อ้างว่าใช้แค่เรื่องงานอย่างเดียว ไม่ทำให้เสียหายแน่นอน ตนเคยให้คนที่บ้านช่วยกันพูด แต่เขาก็ยังไม่หยุด หลังจากนั้นแม่ชวนไปไหนตนก็ไม่ไป ต่อมาตนเห็นติ๊กต็อกคนชื่อทอม จึงตัดสินใจทักแชตไปบอกความจริง แม่ใช้รูปโปรไฟล์ตนไปคุย

 

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ลูกสาวรู้มาตลอด ถ้าความเสียหายไปเกิดขึ้นกับใคร ลูกถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด แต่ในเหตุการณ์อื่นที่ลูกสาวออกมาแล้ว จะไม่ถือร่วมกระทำความผิด หลักกฎหมายคือลูกสาวยอมให้แม่ใช้รูปภาพ ถึงแม้จะสร้างเฟซบุ๊กปลอม

 

น้อยหน่า ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า ตนรู้มาอีกว่าแม่ยังคุยกับผู้ชายที่ชื่อ “แจ็ค” ตนเลยเอาชื่อจริงเขาไปค้นหาในติ๊กต็อก ตนก็เห็นรูปตนเองไปลงหน้าโปรไฟล์เขา สักพักแจ็คลบโพสต์นั้น แต่แม่ทักไปด่าตนยาวมาก บอกทำไมไม่อยู่เงียบ ๆ จะทักไปบอกแจ็คทำไม หลังจากนั้นตนก็น้องชายไปยึดซิมมือถือแม่ ปรากฎว่าน้องเอาไปทิ้ง แม่ก็คลุ้มคลั่งอาละวาดขึ้นมา แม่เขามี 2 โลก เขาอินกับการที่ได้เป็นลูกและแม่ด้วย การที่แม่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก

 

ตนเคยเจอคนชื่อ “แจ็ค” 2 ครั้ง เพราะแม่อ้างว่าเป็นลูกค้า สุดท้ายตนทนไม่ไหว จึงทักไปบอกความจริงเขา และวิดีโอคอลยืนยันกับเขา โดยให้น้องชายช่วยมายืนยันว่าพี่สาวไม่ได้เป็นคนทำ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ จากนั้นแม่ก็ทักไปหาแม่ของคนชื่อแจ็ค ว่าช่วงแรกตนเป็นคนคุย แม่เพิ่งมาคุยในช่วงหลัง บอกว่าตนกับแจ็คทะเลาะกันบ่อย เขาก็เลยไปเอามาคุยแทน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้ และเวลาแม่โทรคุยกับผู้ชายเขาดัดเสียงคุยด้วย 

ดิว น้องชายของน้อยหน่า โฟนอินเข้ารายการ ตอนนี้แม่น่าจะดูรายการอยู่ ตนก็บอกว่าพี่หนุ่มอยากคุยด้วย แต่แม่บอกไม่สะดวกคุย ตอนแรกที่รู้เพราะแม่ใช้รูปพี่สาวทำงาน ไม่คิดว่าเป็นเรื่องชู้สาว มารู้ความจริงตอนเกิดเรื่องล่าสุด ตอนที่เขาอาละวาดเอาซิมคืน เพราะผมบอกแม่ทำแบบนี้มันผิดนะ แล้วเขาก็บอกว่าหยุดแล้ว ให้เอาซิมไปทิ้งได้เลย แม่จะไม่ใช้แล้ว พอผมเอาไปทิ้ง เขาก็บอกไปเอามาคืนเดี๋ยวนี้ แล้วก็อาละวาด ตน 

 

หนุ่ม กรรชัย ให้ดิวเป็นตัวกลางสื่อสาร โดยถามว่าแม่ยังคุยกับแจ็คหรือไม่ ด้านแม่ตอบว่าคุยในฐานะแม่ แต่ไม่ตอบคำถามว่าทำไมถึงแอบอ้างเป็นน้อยหน่า 

 

น้อยหน่า ผู้เสียหาย เล่าต่ออีกว่า แม่ให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้ เขาใช้เหตุผลแม่ไม่อยากใช้บัญชีตัวเอง เพราะเงินเข้าออกบัญชีเยอะ ไม่อยากโดนสรรพากร และแม่จะโดนเรื่องล้มละลายเพราะไปกู้บ้านมา แม่จะไปช่วยคนชื่อแจ็คมาฟ้องตน เพราะเป็นคนรู้เห็นเงินในบัญชีนั้น 

 

วันที่ตนถูกขู่ฆ่าเพราะเขาเชื่อเรื่องที่แม่แต่งขึ้นว่าตนคุยกับแจ็คในช่วงแรก และไปมีผู้ชายใหม่ ก็เลยทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แม่ก็เลยสวมรอยคุยแทน และผู้ชายก็เชื่อ พอเขาเชื่อแม่ตนโทรไปอธิบายยังไงเขาก็ยิ่งโมโห เพราะเขาฟังแม่ เขานับถือแม่เป็นแม่อีกคนหนึ่ง ก็กลายเป็นว่าตนเป็นคนโกหก เขาก็ยิ่งโกรธ บอกมึงอยู่ไหนจะตามล่าให้เจอฆ่าให้หมด

 

นพ. วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ต้องรู้ถึงสาเหตุการเอารูปไปตั้งโปลไฟล์คืออะไร บางคนรู้สึกว่าได้ความรัก เงินทอง ใช้ไปเพื่อหลอกลวง แบบนี้ไม่ใช่โรคทางจิตเวช อันนี้คือมีผลประโยชน์บางอย่าง ส่วนอาการที่เชื่อว่ามีคนสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน ต้องเชื่ออย่างสนิทใจ ใครมาแย้งก็ไม่ได้ เชื่อว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง ฟังดูเหมือนเคสนี้ยังไม่ใช่โรคจิตเวช แต่ก็ต้องตรวจอย่างละเอียด

 

น้อยหน่า ผู้เสียหาย อยากใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าตนไม่ใช่เป็นคนทำ แม่ทั้งหมดที่เป็นคนทำ ใครที่ยังคุยกับแอคเคาท์ปลอม หนูจะไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ประกาศวันนี้ และจะขอตัดแม่ตัดลูกตัดความสัมพันธ์ ตนไม่อยากเกี่ยวข้องไม่อยากรับผิดชอบอะไรแบบนี้ ตนเชื่อว่ากลับไปแล้วเป็นความสัมพันธ์แบบเดิม เขาก็ยังคิดไม่ได้ และไม่สำนึก และเขาใช้ตนเป็นเครื่องมือต่อไป 

 

ตนคิดว่าเขาทำแบบนี้เพราะเขาอยากมีลูกที่เขาพึงพอใจ แบบที่เขาอยากให้เป็น แต่ความจริงตนเป็นให้ไม่ได้ เพราะตนต้องมีชีวิตในแบบของตน เขาจึงสร้างตนขึ้นมาในแบบที่เขาอยากให้เป็น เขาจึงอินจนเกิดปัญหาขึ้น สุดท้ายถ้ามันเกิดขึ้นแล้วเขายอมจบ และหยุดทำ เลิกโทษคนอื่นสักที วันนี้ตนจะไม่ออกมา แต่วันนี้ตนออกมาเพราะเขาไม่ยอมหยุด เชื่อเถอะว่าวันนี้ไม่สุดจริง ๆ คงไม่ออกมา 

 

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ระบุว่า ถ้าแม่รักลูกต้องรู้ว่าอันตรายกำลังเกิดกับลูกจากบุคคลภายนอก พี่ตกใจที่แม่เรากำลังร่วมกับแจ็คในการตั้งฟ้องในเรื่องเงินแสน ซึ่งอันนี้หนักแล้ว ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่า แม่ทำเพื่อตัวเองอยากให้คนรักโดยใช้ลูกเป็นเครื่องมือ หรือแม่อยากให้เป็นแบบที่ลูกสาวบอก ที่สำคัญลูกสาวต้องแจ้งความแจ็ค เขาต้องถูกดำเนินคดี ส่วนแจ็คจะไปแจ้งความแม่หรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องของเขา

Cr.โหนกระแส

by TVPOOL ONLINE