พิษเศรษฐกิจส่งผลถึง วงการสื่อถึงช่วงขาลงทางรอดเดียว ที่ช่องใหญ่เลือกไปต่อคือการเลย์ออฟ ปลดพนักงาน อีกหนึ่งคนข่าวที่หวยออกถูกเลิกจ้างฟ้าฝ่าคงหนีไม่พ้น ตำนานนักข่าวตัวแม่วิกสามพระรามสี่ ปอ ปุณยวีร์ ก็ถูกจิ้มออกเช่นกัน งานนี้เปิดใจครั้งแรกถึงชีวิตการทำงาน และวางแผนการใช้ชีวิตในอนาคต
ถามถึงความผูกพันในการทำงาน ในที่สุดก็เจอเรื่องวิกฤตเลย์ออฟออกจากช่อง ?
“ก็ผูกพันมานานเพราะว่าทำมา 30 กว่าปี เพื่อนรุ่นเดียวที่ทำกันมาก็ออกกันไปหมดแล้ว อย่างปุ้ย ที่ทุกคนเห็นกัน อย่างเพื่อนรุ่นออกกันหมด คนจะบอกว่าปอมีเซฟโซน พี่ปอชอบอยู่ตรงนี้ ก็ในเมื่อที่นี่มีความอบอุ่น มีความสุขแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนละ เราก็ชอบอยู่ที่นี่เพราะเจ้านายน่ารักมาก คือเค้าให้โอกาสเราทุกอย่าง เราทำงานตรงนี้ แล้วก็ยังมีเวลาไปใช้ชีวิตของตัวเอง เค้าให้อิสระเรา จนมาวันนี้ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราก็ออกมา มาถึงล็อตของเรา ล็อตล่าสุดที่ออกมาจากช่องเพราะว่าเค้าเลิกจ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสได้เป็นฟรีแลนซ์ ก็ยังได้ทำงานช่อง 3 อยู่ช่อง3อยู่”
ตอนที่เราเห็นชื่อเราถูกเลิกจ้างตอนนั้นความรู้สึกมันเป็นยังไง ?
“พี่หนูแหม่มรู้มั้ย จริงๆเราเราคิดเผื่อชีวิตแบบนี้มานานแล้ว เพราะเราเห็นมาหลายล็อตแล้ว และบ้างล็อตก็เป็นล็อตที่เราเป็นหัวหน้า ที่เราต้องบอกเค้า จริงๆปอไม่มีส่วนเอาคนออกนะคะ แต่จะเป็นในส่วนของการประเมินนะคะ เราก็ไม่คิดหรอกคะว่าจะเป็นตัวเอง ก็มีเตรียมใจไว้บ้างเหมือนกัน เพราะว่าสถานการณ์ตอนนี้เราก็ต้องเข้าใจ สื่อในทีวีมันก็ค่อนข้างจะไปกันยากแล้วแหละ เรารู้เลยว่าเรือลำใหญ่ของเรามันแบกไม่ไหวแล้วอ่ะ วันนึงเรือมันแตก ก็ต้องจม หรือมีคนไป”
เราเข้าใจสถานการณ์ ณ ตรงนี้มาตลอดใช่มั้ย ?
“เราเข้าใจทุกอย่าง แม้ในใจมันจะหวิวๆ มันรักบ้านหลังนี้ ปอเชื่อว่าน้องๆทุกคนก็มีความรู้สึกแบบนี้ ทุกคนเข้าใจมันหวิวเพราะรักที่นี่”
วางแผนตัวเองยังไงต่อ จะมุ่งทำโซเชียล หรือไลฟ์ขายของมั้ย ?
“ตอนแรกที่เจอ หนูคิดอะไรไม่ออกเลย หนูคิดแต่ว่าหนูไปทำงานที่ช่อง หนูถนัดแต่ในเรื่องของพิธีกร แต่ส่วนนึงที่เจ้านายให้โอกาสก็คือมีแว้บๆไปทอล์คขายของมาแล้วบ้าง เพราะหนูรู้สึกว่าการขายของเป็นสิ่งที่หนูถนัดมากที่สุด หมายถึงว่าไปขายของให้เค้าไปรีวิวให้เค้า เราชอบตรงนี้แล้วเราก็มีความจริงใจที่จะรีวิว และลูกค้าจะชอบก็คิดว่าตรงนี้เป็นอาชีพเสริมอย่างเดียว แต่เราก็คิดว่าเศรษฐกิจแบบนี้แล้วใครจะจ้างเราต่อไป”
แล้วงานโซเชียลอื่นๆมีได้ดูไว้บ้างมั้ย ?
“ก็มีดูค่ะ มีถามแพท ณปภา มีดูๆจากเค้า แต่หนูก็คิดว่ามันไม่ง่าย ทีแรกทุกคนก็บอกว่าออกมาลุยโซเชียลซิคิดว่าง่าย มันยาก ตอนแรกคิดว่าจะถ่ายเองตัดเอง ในที่สุดแล้วมันทำไม่ทัน บางทีจะตัดคลิปขายของใช้เวลาทั้งวัน และก็ไปเจอพิ้งกี้ สาวิกา เราก็ถามเค้าหนูทำคลิปตลกมากเลย เค้าก็บอกว่าหนูมีผู้ช่วย ผู้ช่วยเค้าก็ไม่ได้เยอะทำกับพิ้งกี้สองคน แต่วันนึงต้องทำคลิป2-3คลิป ต้องตัดคลิปใส่เพลง ด้วยความเค้าเป็นวัยรุ่นก็ยังมีความวือหวา รุ่นเราไปเต้นแบบเค้าเข่าก็ไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วถ้ามันฝืนกับธรรมชาติของเรามันก็จะดูหลอกๆ”
กับงานขายของไลฟ์สดพอไหวมั้ย ?
“มีบ้างค่ะ มีไลฟ์สดขายเสื้อผ้ากับเพื่อน เราก็เลือกมาแบบเสื้อผ้าคนอายุ40-50 กว่า ตามบุคลิกของเราก็คือขายได้อยู่ แต่พี่หนูแหม่มรู้มั้ยว่าการไลฟ์สดขายของ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก หนูไลฟ์ไปนอกจากเสียงจะไม่มีแล้ว ยังปวดหลังไปด้วย (หัวเราะ)มันไม่ใช่ทางเรา มันต้องไลฟ์ไปเรื่อย มันหยุดไม่ได้”
ครอบครัวเราว่ายังไงบ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ?
“เค้าก็สนับสนุนทุกอย่าง อยากทำอะไรก็ทำ แต่ข้อดีหนูว่ามันก็ดีมากในการดูแลสุขภาพ มีเวลามากขึ้น มีเวลาเลี้ยงลูก ได้สร้างเยาวชนขึ้นมาหนึ่งคน แต่หนูก็ลำบากหน่อยที่มีลูกตอนอายุเยอะ ถามว่าโดนออกงานตอนนี้ แต่เรายิ่งต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมลูกอยู่เลยนะ”
แล้วได้คุยกับลูกยังไงบ้าง ?
“บอกกับลูกว่าเราไม่ได้สบายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราต้องประหยัด แม่ติดอาวุธให้ลูกแล้วเรื่องการศึกษา ลูกต้องหาเองตั้งใจและทำเอง เงินส่วนที่เก็บมีแต่ของแม่ คุยกันแบบผู้ใหญ่เพราะเขาอายุ 14 แล้ว เงินของแม่นะ มรดกไม่มีให้ ลูกต้องหาเอง บ้านมีให้ถ้าถึงวัยทำงานลูกอยู่บ้านไปก่อน ยังไม่ต้องไปเช่าหรืออะไร รถมีใช้ได้ แต่เงินที่จะหาใช้ซื้อความสุขหา เงินที่เป็นส่วนซื้อความสุขแม่ แม่กับพ่อต้องเก็บไว้ใช้อย่ามาเอา ไม่มีมรดกให้ ให้เค้าหาเอง เค้าเข้าใจเราก็ไม่ได้พึ่งเค้า เค้าก็ไม่ต้องมาให้แม่ แม่ขอมีเงินส่วนที่แม่ดูแลตัวเอง”
มีอะไรอยากจะบอกคนที่มีงานประจำ แล้ววันนึงต้องถึงคิวที่ต้องโดนออก ?
“ต้องหาอะไรทำ อย่าทำอาชีพเดียว หาอะไรก็ได้ อย่างหลายคนก็ทำงานปักตะกร้า ถือเป็นค่ากับข้าว กะปิน้ำปลาก็ว่ากันไป หาอาชีพเสริมหน่อย”
by TVPOOL ONLINE