สำนักข่าว CNN เผยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด แสดงให้เห็นความเสียหายรุนแรงใน เมืองกาซาซิตี หลังจากที่กองทัพอิสราเอลประกาศแผนเข้ายึดครองพื้นที่ โดยผลการวิเคราะห์พบว่า ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีอาคารบ้านเรือนกว่า 1,800 หลัง ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่เป็นย่านที่อยู่อาศัย
ภาพเปรียบเทียบระหว่างวันที่ 9 สิงหาคม – 5 กันยายน ชี้ว่าการทำลายส่วนใหญ่เกิดจากปฏิบัติการ รื้อถอนบล็อกต่อบล็อก โดยใช้รถขุดและรถตัก มากกว่าการโจมตีทางอากาศ โดยย่านที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ได้แก่ ไซตูน และ อัลตุฟฟะห์ ซึ่งเป็นพื้นที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นนับพันคน ขณะที่ในเขต จาบาลิยา มีอาคารกว่า 750 หลัง ถูกทำลาย
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิสราเอลได้สั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดออกจากกาซาซิตีและทุกย่านของเมือง ก่อนเริ่มปฏิบัติการรุกครั้งใหม่ ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าจะเกิดการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ หลายครอบครัวจำใจอพยพ แต่บางส่วนยังเลือกอยู่ต่อเพราะเชื่อว่า “หนีไปก็ยังหนีไม่พ้นความตาย”
นอกจากนี้ โฆษกฝ่ายป้องกันพลเรือนกาซาเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 5–8 กันยายน กองทัพอิสราเอลยังได้ทิ้งระเบิดใส่อาคารสูง 5 แห่ง รวมกว่า 209 ห้องพัก ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 20 คนต่อห้อง ทำให้ประชาชนกว่า 4,000 คนไร้ที่อยู่อาศัยในทันที
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตความอดอยากที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าเป็น “ฝีมือมนุษย์” และเตือนว่าหากการโจมตีดำเนินต่อไป วิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซาจะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
ด้าน โวล์เกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เตือนว่า การยกระดับโจมตีจะนำไปสู่ การพลัดถิ่นครั้งใหญ่ การสังหารผู้บริสุทธิ์ และการทำลายล้างอย่างไร้เหตุผล
รายงานล่าสุดของยูเอ็นยังประเมินว่า ตลอดการสู้รบที่ยืดเยื้อมานานเกือบสองปี อาคารในฉนวนกาซากว่า 78% ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายไปแล้ว
ข่าวที่น่าสนใจ
เจอแบบนี้เป็นใครก็นอยด์!! “แพท ณปภา” ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง
by TVPOOL ONLINE