หากใครที่เป็นแฟนเพลงรุ่นเก่าของวงดิอิมพอสซิเบิ้ล จะต้องรู้จักเขาคนนี้เป็นอย่างดี ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา อดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ผู้ชายที่หน้าตาไม่จัดว่าหล่อเหลา แต่น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลชวนฝัน เปรียบดั่งพระเอกยังไงยังงั้น
หากใครที่เป็นแฟนเพลงรุ่นเก่าของวงดิอิมพอสซิเบิ้ล จะต้องรู้จักเขาคนนี้เป็นอย่างดี ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา อดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ผู้ชายที่หน้าตาไม่จัดว่าหล่อเหลา แต่น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลชวนฝัน เปรียบดั่งพระเอกยังไงยังงั้น
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาแล้วมากมาย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขายังคงจดจำไม่มีวันลืมเลือน ด้วยความปลื้มปีติที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนนี้ ไปฟัง ต้อย-เศรษฐา เล่าความรู้สึกในครั้งนั้น ’ผมเคยได้รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของในหลวง 2 ครั้ง“ ครั้งแรกเป็นถ้วยรางวัลชนะเลิศวงสตริงคอมโบแห่งประเทศไทย ช่วงประมาณปี 2512 ตอนตั้งวงอิมพอสซิเบิ้ล ครั้งที่สองได้จากการแสดงภาพยนตร์ เรื่อง ฝ้ายแกมแพร ช่วงปี 2518
“ความรู้สึกที่ได้เข้าเฝ้าฯตอนพระราชทานรางวัลก็เหมือนกับเรามีชีวิตใหม่ ชีวิตก็รุ่งโรจน์มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ทำงานมาก็ 50 กว่าปีแล้ว พระองค์ท่านถือเป็นพลังในการทำงาน เป็นทั้งกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจทุก ๆ อย่าง ตัวผมเองตอนเด็กๆเคยไปเป็นลูกเสือยืนถือไม้พลองเข้าแถวรับเสด็จ เพราะเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดบวรฯ แล้วพระองค์ท่านผนวชอยู่ที่นั่น โชคดีตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วครับ ความรู้สึกตอนนั้นจำได้ตลอดเลย ท่านงดงามมาก คนเฒ่าคนแก่เวลาเห็นพระองค์ท่านดีใจน้ำหูน้ำตาไหลกัน เวลาท่านเสด็จฯคนจะมารับเสด็จเต็ม 2 ข้างทาง ประชาชนได้ใกล้ชิดในหลวง”
“ผมเองเวลาเห็นพระองค์ท่านก็จะสั่นไปหมดทั้งตัว ใจเต้นแรง มือไม้เกร็งไปหมด ด้วยบารมีพระองค์ท่าน อย่างตอนรับรางวัลพระราชทานครั้งแรกผมตื่นเต้นมาก นั่งอยู่ห่างเส้นที่กำหนดไว้เยอะมาก เวลาจะรับรางวัลก็ต้องเอื้อมสุดแขน เพราะความเกร็ง แต่ความจริงแล้วท่านทรงมีพระเมตตา แย้มพระสรวลตลอดเวลา ถือเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตแล้วครับ อย่างตอนที่เข้าไปรับรางวัลตุ๊กตาทอง ผมได้แต่ชำเลืองมองพระพักตร์และมองที่พระหัตถ์ของพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ก็ไม่ได้มีรับสั่งอะไรพิเศษ แต่ถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าฯใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุดแล้ว”
ที่มา – เดลินิวส์
by TVPOOL ONLINE