“เดอะ การูด้า” ทีมชาติอินโดนีเซีย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้แบบเหนือความคาดหมายพอสมควร เนื่องจากก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น พวกเขาเพิ่งพ้นโทษแบนจากฟีฟ่า และมีข้อจำกัดเรื่องของสามารถเรียกนักเตะมาร่วมทีมได้ สโมสรละ 2 คนเท่านั้น แถมยังประเดิมทัวร์นาเมนต์ด้วยความปราชัยต่อ ทีมชาติไทย ยับเยิน 4-2
จากนั้น อินโดนีเซีย มาเร่งเครื่องใน 2 เกมสุดท้าย ด้วยการยันเสมอเจ้าภาพ ฟิลิปปินส์ 2-2 และ ชนะ สิงคโปร์ 1-0 ทะลุสู่รอบรองชนะเลิศ พบกับ ทีมชาติเวียดนาม เต็ง 2 ของรายการ
แต่กลับเป็นว่า อินโดนีเซีย ที่ดูเหมือนจะเป็นรอง สามารถเอาชนะ ดาวทอง ไปได้ในเกมเหย้า 2-1 และยันเจ๊าเกมเยือน ช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-2 ทะลุสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 4-3 ทำเอาสตาร์ดังอย่าง เล กง วินห์ และ ฟาม ธันห์ เลือง ถึงกับประกาศเลิกเล่นฟุตบอลและรีไทร์ทีมชาติ ตามลำดับ
ด้าน “ช้างศึก” แชมป์ 4 สมัย กรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบบไม่ปัญหา ชนะรวดทุกเกม ไล่ตั้งแต่ อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และรอบรองชนะเลิศ ชนะ เมียนมา ทั้งไปและกลับ ยิง 12 เสีย 2 ประตู เก็บคลีนซีตได้ 4 นัดติดต่อกัน นั่นหมายความว่า ชาติเดียวที่สามารถยิงไทยได้ในทัวร์นาเมนต์นี้คือ ทีมชาติอินโดนีเซีย
สำหรับสถิติการพบกัน ตลอด 75 ครั้ง ไทยเป็นฝ่ายชนะ 36 ครั้ง เสมอ 14 และ อินโดนีเซีย ชนะ 25 นัด ส่วนในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ไทยชนะ 7 ครั้ง อินโดนีเซีย ชนะ 2 ครั้ง
นี่คือการเข้าชิงครั้งที่ 5 ของ อินโดฯ โดยพวกเขายังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย ส่วน ไทย หากคว้าแชมป์ได้จะกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 5 กลายเป็นชาติที่คว้าแชมป์ได้มากสุดแต่เพียงผู้เดียว
ที่มา – fourfourtwo.com , affsuzukicup.com
by TVPOOL ONLINE


