แม้ว่าหลายคนจะมีความฝันว่า อยากจะเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่ง หากเป็นสัตว์แปลกที่ไม่ค่อยมีใครเลี้ยง ยิ่งเติมเต็มความฝันได้อีก! แต่ก็ต้องแลกมากับความยากลำบากในการเลี้ยง อย่างกรณีล่าสุด ที่ผู้ใช้สมาชิกหมายเลข 1173717 ของเว็บไซต์ Pantip ได้เปิดเผยว่า เขาต้องเลี้ยงนกกระจอก เพราะมีนกกระจอกตัวหนึ่ง ที่เพิ่งออกจากไข่ ตกลงมาจากต้นมะม่วง และเกือบเป็นอาหารของเจ้าเหมียว! ด้วยความสงสาร เขาจึงตัดสินใจเลี้ยงนกกระจอก ที่ตัวแดงแจ๋ ไม่มีแม้แต่ขนขึ้นสักเส้น เขาจะไปรอดหรือไม่? ต้องมาลองอ่านกัน ขอบอกเลยว่า ตอนจบมีน้ำตาซึมกันบ้าง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อประมาณ 8 เดือนก่อน
คุณป้าข้างบ้านเจอลูกนกตัวแดงๆพึ่งฟักออกมาจากไข่ ต้นอยู่ใต้ต้นมะม่วง
เลยเอามาให้ช่วยดูแล
น้องนกยังตัวแดง ไม่มีฃน และตายังปิด คาดว่าพึ่งออกจากไข่มาสดๆร้อนๆ
และพบว่าน้องมีอาการบาดเจ็บที่ขา กระดูกขาหลุดออกจากที่
ภารกิจช่วยชีวิตจึงเริ่มต้นขึ้น
ขั้นตอนที่1 : คืนลูกนกสู่อ้อมอกแม่
ขั้นแรกที่ลองทำ เพราะได้ยินมาบ่อยๆ คือให้เอาลูกนกไปวางไว้แถวๆที่เจอ โดยห้ามใช้มือจับลูกนกก่อนเด็ดขาด ไม่งั้นจะมีกลิ่นคนติดตัวและแม่ไม่รัก
ผมเลยลองเอาไปวางและแอบดู ปรากฏว่า… เกือบโดนแมวคาดไปแDกจร้าาา
โอเค ข้ามขั้นตอนนี้ไปละกัน
ขั้นตอนที่2: ตั้งไฟเบาๆ ให้ลูกนกค่อยๆสุก เอ้ย อุ่น
ใช้โคมไฟทังสเตน กก ลูกนกให้อุ่นเสมอ และหาผ้ารองพื้น อาจจะใช้หนังสือพิมพ์ฉีกเป็นเส้นๆรองอีกรอบนึงก็ได้
ขั้นตอนที่ 3 : หาอาหารให้ลูกนกกิน
ขั้นนี้คิดอยู่นานมาก ว่าจะทำไง เพราะไม่เคยมีคนรอบตัวเลี้ยงนกกระจอกรอดเลย
และโดนขู่มาตลอดว่า เลี้ยงไม่ได้ รอดยาก และไม่เชื่อง
กูเกิ้ลดูว่านกกระจอกกินอะไร ก็มีแต่ทั่วๆไปเช่นข้าว แมลงตัวเล็ก กินแทบทุกอย่าง
(รู้แค่ ห้ามให้กินน้ำโดยตรง เพราะจะท้องอืดตาย)
คิดไปคิดมา เลยเดาว่า มันน่าจะกินอาหารคล้ายๆนกเอี้ยง นกขุนทองได้ เพราะเป็นปากแบบจิกเหมือนกัน ทานได้ทั้งพืชและสัตว์
เลยลองซื้ออาหารนกเอี้ยง นกขุนทอง มาลองป้อนดู
โดยเอาอาหารเม็ด แช่น้ำให้นิ่มก่อน แล้วค่อยๆป้อน
สรุป รอดจ้าา น้องทานได้
โดยช่วงแรกก็ป้อนทีละนิดๆ ถี่หน่อย ประมาณ ทุกๆ 1-2 ชม. ต่อเม็ด
พอโตมาก็ค่อยๆห่างขึ้นๆ
ผมให้อาหารเม็ดแช่น้ำมาเรื่อยๆ จนน้องเริ่มโต ขนเริ่มขึ้น
ทานเรื่อยๆ จนขนขึ้นเต็มตัว
ขั้นตอนที่ 4 : บินไปเลยลูกพ่อ
ครับ หัดให้น้องบินครับ เล่าให้ใครฟัง ก็โดนหาว่าบ้า 5555
แต่ผมเคยดูสารคดี แม่นก ยังต้องสอนลูกนกบินเลย
ปัญหาคือ … แล้วผมจะสอนนกบินไงวะเห้ย !!
ผมเลยใช้วิธี ให้น้องยืนบนมือ แล้ว ยกขึ้น ยกลง (เหมือนขึ้นลงลิฟ)
เพราะจังหวะที่เอามือลง น้องจะกระพือปีก เป็นการออกกำลังปีก และให้ชินกับการใช้ปีกไปในตัว
ทำได้สักพัก ก็ดีใจน้ำตาไหล น้องเริ่มบินเองได้
จากตอนแรกแค่กระโดด ร่อนๆ ไกลขึ้นๆ สุดท้ายน้องบินไปมาในบ้านได้
ปัญหาที่พบ !!!
ผ่านไปสักพักน้องบินได้ปรกติ แต่ๆ อยู่ดีๆ ขนที่ปีกก็เริ่มหลุด ทำให้น้องบินไม่ขึ้น !!
เลยนึกได้ว่า น่าจะเป็นที่สารอาหารไม่พอ ทำให้ขนปีกไม่แข็งแรง
ผมเลยเริ่มโด๊ปน้อง ด้วยธัญพืช (อาการนกเขา) เอามาบดๆ แล้ววางไว้ข้างๆกัน
ตอนแรกน้องกินไม่เป็น ต้องแอบคลุกๆไปกับอาหารเม็ด แต่ไม่นาน น้องก็เริ่มกินเองได้ตามธรรมชาติ
และ ขนปีกก็กลับมาแข็งแรกอีกครั้ง เย้ !
ปรับสูตรอาหารใหม่
หลังจากนั้น น้องก็แข็งแรง ร่าเริงดี บินทั่วบ้าน ไม่เจอปัญหาอะไรอีกครับ (นอกจากนิสัยที่ไม่ค่อยเหมือนนก)
ผมไม่ได้ขังกรง ปล่อยให้น้องบินไปมาในบ้านเลยเพราะสงสาร ต้องคอยเช็ดถู อึน้องเอา แต่ส่วนใหญ่น้องจะอึแค่จุดที่น้องชอบอยู่ ไม่กี่จุด
น้องทำให้ผมรู้ว่า นกกระจอกก็เชื่องได้ และโคตรน่ารัก เวลาทำตาแป๊วๆมองหน้า หรืออ้อนขออาหารนี่ ละลายยย
ชอบมาให้กอด (ซุกในมือ) นอนตรงคอ (น่าจะอุ่น)
ทุกวันนี้ ติดแม่ งอมแงม เพราะแม่คอยป้อนอาหารให้ เอ๊ะ หรือแม่ติดนกก็ไม่รู้ 555
“หิวมั้ย กินข้าวยังลูก มาๆๆ แม่ป้อน”
“อย่าทำเลอะสิ กินดีๆ เดี่ยวแม่ตีเลย”
“หายไปไหน มานี่เร้ววว มาๆๆๆ ทานข้าวได้แล้ว”
….
เสียงแม่ผมพูดเสียงสองบ้าง เสียงทะเลาะกันบ้าง มักจะดังมาจากห้องรับแขกบ้านเสมอ
แน่นอน… แม่ไม่ได้พูดกับผม และ ไม่ได้พูดกับหมา
แต่ แม่พูดกับ นกกระจอกครับ…
สรุป วิธีการช่วยชีวิตลูกนกกระจอกที่ตกจากรัง!!
1. ลองคืนพ่อแม่นก แต่ห้ามจับโดนตัว
2. กกไฟให้อุ่นเสมอ
3. ให้อาหารนกขุนทองแช่น้ำ ห้ามให้น้ำโดยตรง
4. พอเริ่มโต ให้บดธัญพืชให้น้องทานด้วย
5. น้องอึเยอะ อึบ่อย เป็นเรื่องธรรมชาติ ห้ามโกรธน้อง
หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่เจอลูกนกกระจอกตกมาจากรังนะครับ และหวังว่า ลูกนกหลายๆตัว จะมีโอกาสรอดมากขึ้น
หากมีขั้นตอนไหนที่ผมทำผิดหลักการ รบกวนบอกด้วยนะครับ เพราะอันนี้ผมเขียนมาจากประสบการณ์ตรง ที่เลี้ยงน้องมากว่า 8เดือน
ที่มา – Pantip
by TVPOOL ONLINE