เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

     “ทีวีดิจิตอล” เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับประเทศนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในแวดวงโทรทัศน์ เพราะประเทศไทยมีทีวีอยู่ 2 ช่อง คือ ช่อง 3, ช่อง 7 ที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งข่าวสาร บันเทิง และงบโฆษณาที่เอเยนซี่แพลนต่อปี 2 ช่องรวมกันได้มากกว่า 60% ที่เหลือสื่อต่างๆ ทีวีช่องอื่นๆ เอาไปแบ่งกัน เมื่อ กสทช. ต้อง “จัดระบบทีวีใหม่” หมายความว่าต้องชนอย่างแรงกับ “ยักษ์” หรือ “เจ้าพ่อสื่อ”  ซึ่งมีฐานคนดูในมือเกือบ 80% ของประชากรในชาติ ยังไงๆ…เรื่องเปลี่ยนทีวีจาก “อนาล็อก” มาเป็น “ดิจิตอล” จึงไม่ง่าย 

     ในวงการสื่อมวลชนเท่าที่ผมติดตามเกือบทุกวัน สื่อที่ให้ข้อมูลเรื่องอนาล็อก-ดิจิตอล รวมทั้งปัญหาที่เกิดและหนทางออก สื่อที่นำเสนออย่างต่อเนื่องและเป็นอย่างที่เขาวิเคราะห์คือ “กรุงเทพธุรกิจ” ในเครือเนชั่น ที่สำคัญคือแนวทางวิเคราะห์ของเขาเป็นกลาง เชื่อถือได้ ไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น และ สุทธิชัย หยุ่น กับ อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ผู้บริหารเครือเนชั่นก็เป็นคนรายงานในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คมากที่สุด ทำให้หลายๆ คนในประเทศเข้าใจการเปลี่ยนแปลงวงการทีวีมากขึ้น รวมทั้งผม ข้อมูล 100% (ข่าวมาจากกลุ่มเนชั่น…ผมจะลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ และสรุปให้ฟัง ดังนี้)

      สุภิญญา กลางณรงค์ เป็น กสทช. ที่มาจากสายคุ้มครองผู้บริโภค ในเรื่องของการปฏิรูปสื่อตั้งแต่ปี 2540 มาแล้ว “สุภิญญา” เกาะติดมาตลอดในฐานะที่เป็นเลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) เธอต่อสู้จนถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 400 ล้านบาท แต่ศาลยกฟ้องเพราะเห็นว่าสุภิญญาทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนี้ เมื่อเธอได้เป็นตัวแทน ปวงชนได้เข้ามาเป็น กสทช. อย่าแปลกใจที่เธอตอบได้ทุกคำถามและเป็นคำตอบที่เอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น

      ประวิทย์ มาลีนนท์ ในฐานะเจ้าของช่อง 3 ผู้คุมชะตาช่อง 3 รวมทั้งกลไกธุรกิจโฆษณาที่ช่อง 3 ครองอยู่มากที่สุดกว่าเจ้าอื่นๆ ประวิทย์รู้ว่าชาวบ้านติดช่อง 3 งอมแงม และรู้ว่าผู้ประกอบการเอเยนซี่ต้องพึ่งพาช่อง 3 ขาดช่อง 3 ลำบาก 2 เรื่องสำคัญๆ อยู่ในมือ…กินอิ่มเปรมปรีดิ์กับสภาพที่เป็นอยู่ การเปลี่ยนผ่านทีวีจาก “อนาล็อก” มาเป็น “ดิจิตอล” คือการบั่นทอนรายได้ที่เคยมีอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่วันนี้ก็อีกไม่นานในอนาคตยังไงก็ต้องถูกบั่นทอน ไม่ติดใจหรือว่า “ประวิทย์” ในการออกมาขวาง กสทช. จนภาพช่อง 3 ดร็อปลงชั่วขณะในระหว่างที่ต่อสู้เรื่องการเปลี่ยนผ่าน เพราะเขาเป็นนักธุรกิจจำเป็นต้องปกป้องทรัพย์สินตัวเอง

      “สุภิญญา” ก็นิ่มนวลพูดชัดเจนว่า ไม่เป็นไรจะเป็นอยู่จนสิ้นสัมปทานอนาล็อก 2563 ก็ได้ แต่ต้องดูบนหนวดกุ้ง ก้างปลาเท่านั้น จะมาโผล่ในเคเบิ้ล ดาวเทียม ที่ดูดสัญญาณมาในกล่อง ผิดกฎหมายแต่แรกแล้ว แต่ก่อนไม่ว่าอะไรเพราะยังไม่ได้จัดระเบียบเคเบิ้ล เมื่อมีทีวีดิจิตอลแล้ว เคเบิ้ลก็ถูกจัดระเบียบใหม่ ระบบอนาล็อกสูญสลายแผ่นดิน ใครนำมาออกในเคเบิ้ลจะถูกถอนใบอนุญาต-  ผู้ประกอบการต้องเคารพกติกานี้

      “สุภิญญา” ย้ำสำทับกันงงคือ มีข้อยกเว้น เจ้าของสัมปทานอนาล็อกที่ประมูลทีวีดิจิตอลได้ สามารถนำมาออกในเคเบิ้ลได้ แต่ต้องเป็นคู่ขนานคือ ออกดิจิตอลด้วยอนาล็อกด้วย จนสิ้นสุดอายุสัมปทานช่อง 7 สี ช่อง 9 เข้าใจ และปฏิบัติตามคำแนะนำ เพราะไม่มีอะไรเสีย โฆษณาก็ขายราคาเดิม…แต่ช่อง 3 ไม่ยอม…อยากออกหนวดกุ้ง ก้างปลาด้วย ออกเคเบิ้ลดาวเทียมด้วย เพราะช่อง 3 ถ้าไม่มีเคเบิ้ลดาวเทียมก็ดู/ไม่ชัดอีก

     “ประวิทย์” บอกว่าช่อง 3 ต่างจากช่อง 7 –ช่อง 9 เพราะต่างนิติบุคคลกัน กล่าวคือช่อง 3 อนาล็อกบริษัทหนึ่ง ช่อง 3 ดิจิตอลอีกบริษัทหนึ่งออกคู่ขนานไม่ได้มันผิดกฎหมาย ขอให้ศาลคุ้มครองและก็ตัดสินใจฟ้อง สุภิญญา และพวกอีก 2 คน ข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่สุภิญญาโดนหนักหน่อย 3 ข้อหา-เนื้อหาแห่งการทะเลาะกันพอเข้าใจได้ว่าทั้งคู่ต่างปกป้องผลประโยชน์ “สุภิญญา” ปกป้องผลประโยชน์ชาติ “ประวิทย์” ปกป้องบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ต่างก็มีเหตุผล

      ที่เถียงกันเรื่อง จอมืด-จอไม่มืด มีอยู่แค่นั้น…แต่คำว่า “มีอยู่แค่นั้น” ก็กินเวลาพอสมควรทำเอาธุรกิจทีวีดิจิตอลที่ไม่มีใครคิดว่าช่อง 3 จะเล่นเกมนี้ ทำให้สื่อต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ก็เข้าข้าง กสทช. คือเห็นว่า กสทช. ทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง สุภิญญาก็ย้ำตรงนี้ เพราะเธอไม่ได้ทำเพื่อปกป้องเจ้าของทีวีดิจิตอลช่องใดทั้งสิ้น-น้ำหนักและแรงเชียร์จึงมีเยอะ

      การ “ทะเลาะกัน” หรือการ “พูดคนละครั้ง” ของ ประวิทย์ มาลีนนท์ กับ สุภิญญา กลางณรงค์ วันนี้ก็เห็นแล้วว่า ที่สุดของช่อง 3 ต้องยอมออกคู่ขนานและเป็นผลดีต่อช่อง 3 มากมาย เพราะประมูลได้ 3 ช่อง แต่ก่อนมีช่องเดียว โฆษณาล้น ตอนนี้ก็เกลี่ยมาอีก 2 ช่องที่มีเพิ่ม รายได้ก็มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว…น่าแปลกใจวันที่ ประวิทย์ ออกรายการ  “สรยุทธ” ไม่เชิญ “สุภิญญา” ไปด้วย ทั้งๆ ที่แต่งตัวรออยู่…เพราะอยากจะพูดใจจะขาดว่าช่อง 3 แคลงใจเรื่องอะไรจะได้ชี้แจงและแก้ปัญหาให้ ประชาชนจะได้หายสับสนเรื่องจอมืด-จอดำ

      เราจะไม่ว่า…ใครถูกใครผิด แต่จะบอกว่า “ถ้าไม่เถียงกัน-ไม่ฟัดกัน” เราก็จะไม่รู้ว่าความจริงว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นเช่นไร บัดนี้ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นจริงแล้ว 100% ส่วนใครจะอยู่จะไปเป็นเรื่องของกลไกบริหารของแต่ละคน…ผมถึงยกให้ “ประวิทย์-สุภิญญา” เป็น “คู่ฟัดแห่งปี” คือฟัดกันแล้วชาติได้ประโยชน์ ถือว่าเป็นการปฏิรูปวงการทีวีเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งคู่ออกมาพูดในครั้งนี้ เรียกว่าเอาอนาคตตัวเองการันตีเลยก็ว่าได้

      แต่ที่แน่ๆ ทำให้รู้ว่า วงการนี้ภาพที่เห็นกับความจริงมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน!!

     Tony Aigner

by TVPOOL ONLINE

TV Pool Online