แนวตั้งรับ
ช่อง 7 สี กับ ทีวีดิจิตอล
ระหว่างนี้ความลงตัวของทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่อง ต้องบอกว่ายังไม่เข้าที่เข้าทางนัก เพราะคำสั่งกสทช. ลงดาบตลอดเวลาเรื่องเนื้อหาและการจัดเรทติ้ง หลายสถานีอยู่ในสภาพ “ไม่นิ่ง” มีรายการใหม่ๆ โผล่และมีรายการเพิ่งออนแอร์ไปก็ถูกเปลี่ยน…ที่แน่นิ่งจริงๆ มีอยู่เจ้าเดียวคือ ช่อง 7 สี ทีวีเจ้าเดิม ซึ่งแกร่งจริงดุจหินผา
วันประมูลครั้งแรกช่อง 7 สีถูกมองว่าทำไมใจไม่ถึง เมื่อเทียบกับช่อง 3 คู่แข่งตลอดกาล ซึ่งลงประมูลถึง 3 ช่อง เพราะหมายมั่นปั้นมือว่าช่อง 3 ซึ่งมีคนทำงานมหาศาล มีดาราล้นมือ จะเนรมิตให้สถานีทั้ง 3 ช่องที่ประมูลมาได้เกิดเมื่อไหร่ก็ทำได้…
ผมก็เชื่อเช่นกัน
ผมเชื่อว่าเวลานี้ช่อง 3 SD และช่อง 3 Family จะต้องเกิดเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนเพียงแค่รอเวลาว่า ทีวีดิจิตอลโดยภาพรวมเป็นเช่นไร การมาแรงของช่องเวิร์คพอยท์และช่อง 8 มาจากสาเหตุอะไร การที่ช่อง 3 จะสกัดความมาแรงนั้นย่อมทำได้และอยู่ในแผน
ส่วนที่กำลังทำอยู่เวลานี้คือ จะทำอย่างไรจะรีบหาฐานลูกค้าเดิมอย่างไรและจะบอกลูกค้าว่าอย่างไร ถ้าจะยืนหยัดขายโฆษณาในเรทราคาเดิม คือนาทีละ 550,000 บาท (ละครหลังข่าว) และจะทำอย่างไรถึงจะให้รายการประเภทวาไรตี้ เกมโชว์ ยังคงขายได้ในราคาเดิม…ช่วงนี้ช่อง 3 เน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ
ย้อนกลับไปที่ช่อง 7 สี… ที่สามารถตอบคำถามสังคมว่าทำไมช่อง 7 สี ถึงประมูลแค่ช่องเดียว ชัดๆ คือมีช่องเดียวและทำให้ดีรักษาฐานตัวเองไว้ให้มั่น พยุงราคาขายโฆษณาในราคาเดิมไว้ให้ได้ อย่างน้อยก็ 4-5 ปีนับจากนี้
กว่าพวกทีวีดิจิตอลจะตั้งไข่ได้ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ช่อง 7 สี รู้ดีว่า AD โฆษณาในช่องดิจิตอลที่เห็นๆ อยู่ หลายช่องก็ยังยิงสปอตฟรีหรือไม่ฟรี ก็ขายไม่ได้ราคาที่ทีวีควรจะเป็น…7 สี ไม่เคยสนใจตรงนี้
การเป็นอันดับของช่อง 7 สี…ไม่ใช่เป็นอันดับ 1 แบบสูสีแต่ชนะเลิศแบบน็อครอบหรือเรียกว่าชนะ 300% ก็ไม่ผิด…ความได้เปรียบทางเรทติ้งดั้งเดิมก็ยังได้เปรียบอยู่ แผนพีอาร์ก็เรียบๆ ง่ายๆ ให้คนดู HD และออริจินอล กระตุ้นใจด้วยคำพูดของซุปตาร์ อั้ม-พัชราภา, เวียร์-ศุกลวัฒน์ ฯลฯ…คัดแล้วคัดอีก แฟนๆ 7 สีจะหายไปไหน
พลากร สมสุวรรณ ยืนกรานแต่แรกว่า 7 สี จะประมูลแค่ 1 ช่อง เพราะจะทำ 1 ช่องที่มีให้เป็นทีวีสมบัติของประชาชน สมกับที่เกิดมาแล้ว 40 กว่าปี และได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับ 1…ตำแหน่งเดิมในพ.ศ.ไหนๆ ช่อง 7 สีควรเป็นเช่นนั้น การมีหลายช่องก็คือการแข่งกับช่องเก่าตัวเอง เหนื่อยเปล่าๆ…ลำพังรายรับที่มีอยู่จากช่องเดียวก็มหาศาลแล้ว
พยายามปรุง-ปรับ-เสริม-พัฒนา สิ่งที่มีอยู่ให้มีคุณค่าดีกว่านอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังมีเวลาขึ้นบนภูดูเสือกัดกัน กว่าฝุ่นจะจางหายก็ใช้เวลาหลายปี
วันที่ 7 สี ทำกำไรมากที่สุด คนทำงานแฮปปี้ที่สุด คือวันที่ช่อง 7 สีไม่มีสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ย่อมขัดแย้งกับคำคนที่เคยพูดว่า 7 สีเกิดเพราะ “คุณแดง” ไม่มี “คุณแดง” 7 สีถึงกาลอวสานแน่ ซ้ำรอย “คุณแดง” ไปเป็นแฟคเตอร์ให้คู่แข่งอย่างช่อง 3 อีก 7 สีจะไม่เหลืออะไร…เวลานี้พิสูจน์แล้วว่า เรทติ้งไม่ตกเลย โฆษณายังขายได้ราคาดั่งเดิม…ผลประกอบการดีกว่าสมัย “คุณแดง” อีกต่างหาก
ความอ่อนน้อมของทีมบริหารสถานี การปฏิบัติแบบเข้าใจสถานการณ์กลยุทธ์ทางธุรกิจแบบตั้งรับ มากกว่ารุก ทำให้ภาพรวมของช่อง 7 สีดูดี ดูแล้วเนียนตา- โดยเฉพาะ ละคร ซึ่งมีผู้จัดไม่มาก แต่มีคุณภาพหลักๆ คือดารวิดีโอ, ดีด้า, กันตนา, พอดีคำ (ธงชัย)-ยืนพื้นแต่ก็มีแทรกเสริมขึ้นมาเช่น โพลีพลัส, ฉลอง, พนม นพพร…และก็มีรายย่อยๆ เสริมขึ้นมาบ้าง
เมื่อเทียบกับช่อง 3 มีบริษัทผู้จัดละครมากมายจนคิดกันไม่ถูก แต่ละบริษัทล้วนมีสายสัมพันธ์กับผู้บริหารสถานี-ต่างคนต่างสาย วิธีคิดเลยแตกต่าง ตรงนี้คือจุดที่ช่อง 3 ต้องมีหลายสถานีเพื่อระบายคนทำงานออกไป เวลานี้ก็เร่งปรับแต่กลายเป็นว่า SD มาแย่งลูกค้าช่อง 3 HD ไปด้วย ผู้ชมแยกไม่ออกว่าจะดูช่องไหน ขอให้เป็นช่อง 3 ก็ดูไปก่อน เรทติ้งเลยถูกดึงไป 2 ช่อง
วิทยุมีแค่มิติเดียวคือฟังอย่างเดียว ในประเทศไทยมีเป็นหลายร้อยคลื่นทุกสถานียังอยู่ได้ จะทำกำไรมากกำไรน้อยแล้วแต่ผู้บริหารสถานีนั้นๆ
ทีวีดิจิตอลมีแค่ 24 ช่อง มีหลายมิติทั้งภาพและเสียง อย่าห่วงเลยทั้งหมดนี้จะไปรอดไม่รอด เพียงแค่ใครจะคืนทุนมากคืนทุนน้อย-เร็ว-ช้า เท่านั้นเอง ตรงนั้นคือกลยุทธ์ของแต่ละบุคคล…สถานีที่เป็นอันดับ 1 เวลานี้อีกไม่นานอาจมีช่องอื่นมาแทนได้ เพราะนิสัยคนไทยคือเบื่อง่าย
วิธีคิดแบบมองกว้าง-มองไกล…ผมมองว่าช่อง 7 สีเจ๋งสุด ใครบอกว่าสำรวจคนกรุงเทพช่อง 7 สีแพ้ช่อง 3 แต่ผลสำรวจล่าสุด 7 สีก็ครองแชมป์อยู่ เพียงแต่เป็นอันดับ 1 แล้วไม่ขี้คุยเท่านั้นเอง…ที่เจ๋งกว่านั้นคือ “เป็นหนึ่งแล้ว” ยังไม่หยุดพัฒนาองค์กร…นี่คือหัวใจบริหารอย่างแท้จริง
Tony Aigner
by TVPOOL ONLINE

