ตร.เพชรบุรี ให้ “พ่อโหด” ใส่หมวกกันน็อค สวมเสื้อเกราะ หลังญาติ ด.ญ.13 เตรียมรุมประชาทัณฑ์ ระหว่างนำตัวทำแผนคดีปาดคอลูกแท้ๆของตัวเอง ด้านผู้ต้องหาไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน อ้างโมโหลูกสาวเอาแต่เล่นมือถือ ลั่น “เมื่อไม่เชื่อฟังผมก็เชือดทิ้ง”
กรณี ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนหญิงโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ถูก นายสุรินทร์ แก้วแหร่ อายุ 41 ปี พ่อแท้ๆ ใช้มีดปาดคอจมกองเลือดเจ็บสาหัสในห้องแถวเลขที่ 114/5 หมู่ 1 ต.ต้นมะม่วง อ.เมืองเพชรบุรี ซึ่งหลังก่อเหตุ นายสุรินทร์ ได้ขี่รถซาเล้งหนีไป พร้อมพาลูกสาวคนเล็กวัย 5 ขวบไปด้วย กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 เม.ย. พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี และร.ต.อ.ชาติเตชนันท์ ร้อยเวร สภ.เมืองเพชรบุรี นำกำลังตำรวจนับสิบราย คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีไทยมุงคอยส่งเสียงตะโกนสาปแช่งอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตำรวจได้ให้ นายสุรินทร์ ใส่หมวกกันน็อคและเสื้อเกราะกันกระสุนเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากบรรดาญาติพยายามจะตรงเข้ามารุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้น ที่ นายสุรินทร์ ทำกับลูกแท้ๆได้ลงคอ โดยเจ้าหน้าที่คุมตัว นายสุรินทร์ มาชี้จุดที่ลงมือใช้มีดปาดคอลูกสาวที่กำลังนอนเล่นเกมโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะทำแผน นายสุรินทร์ ได้เล่าว่า ตนเพิ่งอยู่กับลูกสาวได้เพียง 4 เดือนกว่าเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องโทษคดีปล้นทรัพย์ จากนั้นก็มาบวชเป็นพระอยู่ที่ จ.ตรัง เมื่อใจเย็นแล้ว จึงสงบออกมารับจ้างเผาป่า แล้วกลับมาอยู่กับภรรยาที่ จ.เพชรบุรี อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ลูกสาวมักเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนได้ว่าตักเตือนตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุ หลังจากกลับจากไปส่งภรรยาขายผลไม้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องพักมากนัก เมื่อมาถึงก็ยังเห็นลูกสาวเล่นโทรศัพท์อยู่ ด้วยความโมโหจึงลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ นายสุรินทร์ยังพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้านว่า “เมื่อไม่เชื่อฟังผมก็เชือดทิ้งด้วยความโมโห เวลาตนโมโหถึงขีดสุดจะจำอะไรไม่ได้ นึกออกแค่ว่าได้อุ้มลูกคนเล็กไปนั่งในรถซาเล้งพ่วงข้างออกไป” ซึ่งหลังใช้เวลาทำแผนนาน 30 นาที จึงรีบคุมตัว นายสุรินทร์ กลับไปควบคุมไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบุรี ในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา พยายามฆ่า ส่วนประเด็นที่ นายสุรินทร์ อ้างว่าป่วยเป็นโรคทางประสาท ต้องรอผลตรวจร่างกายและเช็คประวัติกับโรงพยาบาลที่ นายสุรินทร์ ระบุว่าเคยรักษาตัวอยู่ นอกจากนี้ ยังพบว่า นายสุรินทร์ มีคดีฆ่าผู้อื่นติดตัวอยู่อีก 1 คดี ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
ที่มา – dailynews
by TVPOOL ONLINE