เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ยังคงเป็นข่าวที่หลายคน ยังติดตาม หลังจากพิธีกรหนุ่ม “แมทธิว ดีน” สามี “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” ได้ออกมาโพสต์คลิป บอกตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเอาแฟนคลับและคนในวงการแอบห่วงไม่ได้ พร้อมข้อความระบุว่า

“ไม่ได้ล้อเล่นครับ เรื่องจริงครับผมใครที่สัมผัสผมในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาเฝ้าดูอาการนะครับ เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ This is NOT a joke, for those that have been in close contact with me the last few days please take precautions I have the Covid -19 virus #covid19”

ต่อมา “นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “ตนได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้ว เรื่องนี้ทางเจ้าพนักงานต้องติดตามข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าป่วยจริงหรือไม่ เพราะดูจากชุดที่สวมใส่ไม่ใช่ชุดของสถานพยาบาล หากป่วยก็ต้องได้รับการดูแล”

ส่วนเรื่องการโพสต์ลงสื่อโซเชี่ยล สามารถทำได้ตามสิทธิส่วนบุคคล แต่หากตรวจสอบแล้วไม่ป่วยจริงอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเท่ากับเป็นการให้ข้อมูลเท็จและสร้างความตื่นตระหนกให้กับบัคคลอื่น

ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงต่อว่า “การตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ต้องตรวจและยืนยันในห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ซซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจจะไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะข้อมูลส่งมาเป็นรหัสการตรวจ เป็นอักษรภาษาอังกฤษ และตามด้วยตัวเลข 7-8 หลัก ซึ่งขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันจำนวนผู้ป่วยเท่าเดิม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานไปก่อนหน้านี้”

จากนั้นทาง “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์” ภรรยาสาว พร้อมลูกๆ อย่าง “น้องดีแลน”และ”น้องเดมี่” ก็ได้ออกมาโพสต์คลิปสามี พร้อมล่าสุดได้โพสต์ใบการตรวจ Covid -19 ด้วยข้อความระบุว่า

“ในการตรวจ Covid -19 ผลสามารถออกได้สองอย่าง Undetectable หรือ Detectable
Undetectable = Negative
Detectable = Positive
จริงๆไม่ได้อยากที่จะเอาข้อมูลแบบนี้ลงโซเชียลมีเดียหรอกแต่เพื่อป้องกันข่าวลือที่ไม่จริงก็ตามนี้ 
@matthew.deane1

โดย”ลิเดีย ศรัณย์รัชต์” ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งในอินสตาแกรม ซึ่งโพสต์ภาพคู่กับสามี “แมทธิว ดีน”ขณะกำลังนอนบนเตียงคนไข้ พร้อมข้อความร่ายยาวว่า

“พี่แมทขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจและเป็นห่วงทั้งครอบครัว พี่แมทขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน
ขอชี้แจงรายละเอียดดังต่อไปนี้นะคะ
1.พี่แมทแทบจะไม่มีอาการเลย ไม่มีนำ้มูก ไม่มีไอ ไม่เจ็บคอ แต่เบื้องต้นเมื่อ 2 วันที่แล้ว ปวดเมื่อยเล็กน้อย (เข้าใจว่าจากออกกำลังกาย เพราะวันอาทิตซ้อมหนักกลางแดด) ตามมาด้วยการคัดจมูกนิดหน่อยเหมือนเป็นภูมิแพ้ธรรมดาที่เค้าเป็น แต่วันต่อมาพี่แมทก็เป็นไข้อ่อนๆ 36.9 – 37กว่า เลยไปเช็คที่ร.พ. เผื่อจะเป็นอะไร
เมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลก็จะมีการยิงปืน laser เพื่อวัดอุณหภูมิ ของพี่แมทบอกว่าไม่มีไข้ แต่ด้วยการที่เค้าไม่ค่อยเชื่อในความแม่น laser เค้าเลยขอตรวจอย่างละเอียด และผลตรวจคือ 38.3 มีไข้ (เพราะฉะนั้นการตรวจโดยปืนยิงเลเซอร์แบบนี้ตามที่ต่างๆอาจจะไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่นัก) พี่แมทไปตรวจเมื่อวานนี้คือวันที่ 12 มีนาคม 2563
2.ขั้นตอนต่อไปหลังจากรู้ว่ามีไข้คือ swab จมูกเพื่อตรวจว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ไหม ผลรู้ภายใน 1ช.ม. ซึ่งพี่แมทไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ คุณหมอให้ตรวจต่อ Virus อีก 21 สายพันธุ์ ผลรู้ภายใน 8 ช.ม. แต่คุณหมอแนะนำต่อให้ตรวจเช็ก CoVid19 เพิ่ม ซึ่งผลจะรู้วันรุ่งขึ้น คุณหมอส่งตัวพี่แมทกลับบ้านพร้อมคำแนะนำการปฏิบัติเบื้องต้น เราจ่ายค่าตรวจไปทั้งหมด หมื่นกว่าบาท. (แล้วคนที่ไม่สามารถจ่ายเท่านี้จะมีการตรวจไหม?) 3.กลับมาถึงบ้านพี่แมทแยกตัวออกจากทุกคนในบ้านเพื่อป้องกันไว้ก่อนระหว่างที่รอผล พี่แมทสั่งปิดค่ายมวยทันทีเผื่อว่าผลออกมาว่าเป็นบวก คืนนั้นก็ทราบผลว่า 21 สายพันธุ์ไม่ได้เป็น ต้องรอผล CoVid19 วันรุ่งขึ้น ซึ่งช่วงตอนกลางวันที่ผ่านมาก็ได้รับการยืนยันว่าเป็น (13 มีนาคม 2563)
4.มันคือการรับผิดชอบต่อทุกคนและต่อสังคมที่จะต้องแจ้งให้ทราบนะ เพราะคนที่เจอเราและคนอื่นๆจะได้เฝ้าระวังและป้องกันปฏิบัติในทางที่ดีที่สุด ปัญหาตอนนี้คือ เราควรระวังกันกี่ต่อ? คนที่เจอพี่แมทต้องกักตัว แล้วคนที่เจอเดียต้องกักตัว แล้วคนที่เจอคนที่เจอเดียต้องกักตัวไหม? ใครบ้างที่ควรไปตรวจ? ต้องรอมีอาการก่อนไหม? อันนี้ไม่โทษใคร หรือคิดว่าใครจะมีคำตอบนะแต่แค่ระบายถึงปัญหาของโรคใหม่ที่มีข้อมูลน้อย
5.ตอนนี้พี่แมทได้มีรถมารับไปที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ทางครอบครัวไม่สามารถเยี่ยมหรือเจอได้เท่าที่เจ้าหน้าที่บอก ต้องอยู่เฝ้าดูแลรักษาจนกว่าจะตรวจแล้วไม่พบเชื้อ
6.ทางครอบครัวทุกคนจะไปตรวจวันพรุ่งนี้ ตอนนี้คนในครอบครัวยังไม่มีอาการ ไม่มีไข้ ลูกๆยังปกติ
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ มันใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด และจำนวนของคนที่เป็นคงมากกว่าที่เรารู้ (please help translate to English)”

ล่าสุดได้มีรายงานว่า “นพ.สุขุม กาญจนพิมาย” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ประจำวัน โดย “แมทธิว ดีน” ถือเป็นผู้ป่วยรายที่ 82 ของประเทศไทย ส่วนกรณีที่ “แมทธิว” ให้ข้อมูลว่าตรวจแล้วติดเชื้อ แล้วแพทย์ให้กลับบ้านนั้น ถือว่าขัดแย้งกับมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบว่าโรงพยาบาลนั้น เป็นไปตามมาตรฐานสถานพยาบาลหรือไม่ เพราะมีการอบรมทำความเข้าใจ ถ้าผลตรวจของผู้ป่วยออกมาแล้วกลับไม่ดูแล ก็ต้องมาดำเนินการ

ด้าน “ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ” รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า “ทุกโรงพยาบาลต้องรับผู้ป่วย COVID-19 เข้าดูแลตามระบบ ยกเว้นกรณีเกินศักยภาพต้องประสานกรมควบคุมโรคในการรรับส่งต่อ ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงเข้าเกณฑ์ จะเข้ากลไกการจ่ายค่ารักษา แต่ถ้าแค่กังวลแล้วไปขอตรวจ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง”

ทั้งนี้ ตามกฎหมาย เมื่อผู้ป่วยเข้ามาสถานพยาบาลต้องซักประวัติที่จุดคัดกรอง แล้วแยกไปที่ห้องแยกโรค จากนั้นต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อรหัสการส่งแล็บเพื่อตรวจหาเชื้อ โดยตลอดเวลาที่ทำกระบวนการเหล่านี้ผู้ป่วยต้องอยู่ที่โรงพยาบาลกลับบ้านไม่ได้ จนกว่าผลจะออกมาเป็นลบ หากปล่อยปละละเลย ให้คนไข้กลับบ้าน ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะมีโทษทั้งจำ และปรับ

ขณะที่ “นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์”  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “สำหรับการแจ้งหรือการรายงานโรคของสถานพยาบาลและห้องปฏิบัติการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 กำหนดให้โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย แม้แค่สงสัยก็จะต้องรายงานมาที่กรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งกรมได้พยายามกำชับโรงพยาบาลทุกแห่ง หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทางกรมควบคุมโรคก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป”

กรณีนี้จะต้องรายงาน 2 ส่วน คือ

1. แค่สงสัย แค่คิดที่จะตรวจตัวอย่างก็ต้องแจ้งภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งกรมควบคุมโรคจะไปดำเนินการกับโรงพยาบาลที่ไม่ได้แจ้งต่อไป

2. ห้องปฏิบัติการที่รับตัวอย่างมาตรวจก็จะต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง เช่นกัน ดังนั้นในระยะแรกเราได้พยายามกำชับ ทั้งโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจได้ และระยะต่อไปจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดหากที่ใดรับตรวจแล้วไปรายงานมาที่กรมควบคุมโรค เป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้เราสามารถติดตามผู้ป่วยและสถานการณ์ได้รวดเร็วเป็นจริงตามสถานการณ์รายวัน

by TVPOOL ONLINE