เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ต้องว่ากันตามตรงว่า ปี 2561 เป็นปีที่เรตติ้งละครหลังข่าวร่วงระเนระนาดที่สุดในรอบหลายๆ ปี จะมีที่ผ่าเหล่าผ่ากอ ก็แค่ “บุพเพสันนิวาส” ที่เป็นปรากฎการณ์ฟีเวอร์เรตติ้งท่วมจอ แต่นอกนั้นไม่มีเรตติ้งเลขสองหลักเลย จะมีก็แตะๆ เกือบ 10 อย่าง “สัมปทานหัวใจ, แม่อายสะอื้น” สองเรื่องจากช่อง7 สี ตอนจบสูงสุดไปถึง 9 เศษๆ แต่เรตติ้งเฉลี่ยก็แค่ ระดับ 6-7 นอกนั้นกว่าจะขยับถึง 5 แทบขาดใจ

บุพเพสันนิวาส

สัมปทานหัวใจ

แม่อายสะอื้น

คมแฝก

ส่วนละครช่อง 3 เรื่องอื่นๆ อย่าง “คมแฝก” รองแชมป์ เรตติ้งตอนจบ 7 เศษๆ และเรตติ้งเฉลียแค่ 5 เศษๆ ส่วนนอกนั้น ระดับ 3-4 เท่านั้น บางเรื่อง 1 กว่าๆ ก็ยังมี

และที่เป็นแบบนี้ ก็พอจะวิเคราะห์ 5 เหตุผลหลักๆ ได้ดังนี้

1.พล็อตซ้ำซาก บทไม่สนุก หลายเรื่องมาแบบพิมพ์นิยมพล็อตเดิมๆ ไม่ก็ตั้งหน้าตั้งตารีเมค น่าเบื่อ ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรแหวกความจำเจ ดูหรือไม่ดู ก็ค่าเท่ากัน เพราะจับทางละครได้อยู่แล้ว

2.ดารา ไม่ดึงดูดใจ หลายเรื่องพยายามปั้นดาราใหม่เกินไป ฝีมือยังไม่ได้ หน้าตายังไม่ขึ้นกล้อง แต่ก็ส่งมาลงจอบ่อยจัง บางเรื่องก็เข็นดาราที่ไม่มีกระแสมาเล่น คนดูเห็นหน้าไม่คุ้นก็ไม่อยากดูแล้ว

3.งานกำกับไม่โดนใจ หลายเรื่องงานกำกับไม่มีคุณภาพเลย อารมณ์ละครไม่ต่อเนื่อง ยืดยาดอืดอาด สะดุดไปมา กำกับดาราไม่ถึงอารมณ์ ทำให้ตีบทไม่แตก อารมณ์ไม่ส่งมาถึงคนดู ทำให้ดูยังไงก็ไม่อินไม่ฟิน เมื่อไม่สนุกกับการดู เลยเลิกดู เททิ้งดีกว่า

4.ละครและรายการทางเลือกเยอะ ก็เลยแย่งชิงเรตติ้ง แบ่งเค้กกันสนุกสนาน จากที่ ละครช่อง 3, ช่อง 7 เคยตบตีแย่งชิงกันสองช่อง ก็กลายเป็นว่ามี ช่อง ONE, ช่อง GMM25 กระทั่งซีรีส์อินเดีย วิกลาดพร้าว หนังฝรั่งช่อง MONO มาเป็นทางเลือกมาเป็นคู่แข่งตบตีกันอีกหลายช่อง

5.คู่แข่งนอกจอทีวีแย่งคนดู ยุคออนไลน์ โลกโซเชี่ยลทำให้คนหันหนีจอทีวีไปสิงอยู่หน้าจอสมาร์ทโฟนกันหมด บ้างก็ไปดูช่องทีวีออนไลน์ดูซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่ง เพลินไปเลย บ้างก็ไม่ยอมดูละครสดๆ หน้าจอทีวี เพราะไม่มีเวลา ขอรอดูย้อนหลังออนไลน์ดีกว่า บ้างก็เลิกดูทีวีหันไปเจ๊าะแจ๊ะแชะแชทแอบส่องชาวบ้านในโลกโซเชี่ยลดีกว่าเพลินกว่าแบบนี้เรตติ้งละครทีวีจะไปเหลืออะไร