ระยะเวลากว่า 4 ปี ที่ต้องใช้สถานะซิงเกิ้ลมัมหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ภาพที่หลายๆ คนเห็น พลอย-พลอยพรรณ ทวีรัตน์ อดีตภรรยาของนักร้องหนุ่มแสดงหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล แต่ก็มีรอยยิ้มให้เห็นตลอด ดูเข้มแข็งสมกับที่เป็นคุณแม่สุดสตรองของ น้องแพนเตอร์ กับ น้องพูม่า แต่ใครจะรู้ว่าลึกๆ แล้วความรู้สึกภายในใจของเจ้าตัวเป็นยังไงบ้าง
ล่าสุดในอินสตาแกรมของเจ้าตัวก็ได้มีการโพสต์ภาพซึ่งเขียนเรื่องราวที่เก็บเอาไว้ภายในใจมานานกว่า 4 ปี หลังจากที่ชีวิตคู่ไม่เป็นไปดังฝัน โดยเธอได้เล่าว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งคำถามและความรู้สึกหลายๆ อย่างที่วนเวียนอยู่ในหัว
“หลังจากที่เป็นซิงเกิ้ลมัมมาร่วม 4 ปี พลอยอยากบอกว่ามันมีหลายครั้งที่พลอยอยากกรี๊ด อยากจะด่าทอออกมาเป็นเสียงดังๆ ว่า ทำไมมันถึงต้องเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นกับพลอยและลูกๆ ด้วย”
“แต่บางคำถามอาจจะไม่ต้องการคำตอบ เพราะบางคำตอบอาจจะไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และคำถามบางคำถามก็อาจจะไม่ได้สร้างเพื่อจะเอาคำตอบซะงั้น เพราะฉะนั้นคำถามที่เค้นออกมาจากใจ คำถามเดียวนั้นคือ แล้วพลอยควรจะต้องทำยังไงต่อไป ?”
“คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตของพลอยที่มันทำให้พลอยรู้สึกว่าชีวิตยังมีทางออก ยังมีโอกาสอยู่ข้างหน้า แค่เราต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ และจากการประมวลผลของปี 2018 ดูแล้ว จริงๆ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่พลอยมองว่ายังทำมันได้ไม่ดีพอ แล้วพลอยควรจะต้องทำยังไงต่อไป ?”
“ไหนจะบทบาทหน้าที่ความเป็นแม่ การเป็นพนักงานการบินไทย ไหนจะธุรกิจส่วนตัว พลอยมั่นใจว่าพลอยคงทำทั้งหมดให้ดียาก เพราะฉะนั้นปีหน้าคงจะต้องเป็นปีที่วางแผนชีวิตให้รัดกุม ใช้เวลา ทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เพื่อจุดมุ่งหมายหลักคือการสร้างให้ลูกได้มีชีวิตวัยเด็กอย่างมีความสุข”
“ไม่ว่า 2019 จะเป็นยังไง จิตใจที่เข้มแข็งและสมองที่ขี้ลืมพาครอบครัวเราลอยละลิ่วปลิวอยู่เหนือปัญหา อะไรที่จะเกิดก็ให้มันเกิด พลอยจะตั้งรับมันอย่างดีแน่นอน”
“ขอบคุณที่ผ่านมาที่สวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งเรา โดยส่งครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และทีมงานคุณภาพ มาคอยเป็นเทวดาคุ้มครองให้ทุกวันมีแต่ชีวิตที่สวยงาม”
“และที่สำคัญขอขอบคุณพี่ป้าน้าอามิตรรักแฟนคลับ แพนเตอร์กับพูม่า ที่จะคอยให้กำลังใจกันมาเรื่อยๆ และขอบคุณที่เข้าใจในสิ่งที่พลอยพยายามทำมาโดยตลอด”
“จิตใจที่เข้มแข็งของแม่คนนี้สัญญาจะสอนให้ลูกชายทั้งสองมีจิตใจที่เข้มแข็งเช่นเดียวกัน และเพิ่มเติมขึ้นมาคือจะสอนความเป็น ‘สุภาพบุรุษ’ ให้อย่างแน่นอน”