เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี แพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดเสวนาเรื่อง “ฝุ่นละออง PM2.5 กับปัญหาสุขภาพและแนวทางแก้ไข” โดยมีอาจารย์แพทย์และนักวิชาการ รวมถึงคนแวดวงสาธารณสุขและผู้ที่สนใจ เข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียงกัน

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังตื่นตัวและต้องหาซื้อหน้ากาก N95 ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องวิ่งตามหา N95 ด้วยวิธีเดียว เพราะยังมีวิธีอื่นอีกมาก อีกทั้งสภาวะอากาศใน 1 วันมีความแตกต่างกันตามช่วงเวลา การปิดประตู-หน้าต่างหรือการออกนอกพื้นที่ก็เช่นกัน อย่าตื่นตระหนกจนไม่เป็นทำอะไร ส่วนในประเด็นการปลูกต้นไม้เพิ่มนั้น ต้นไม้ทั้งหมดสามารถใช้ได้ แต่บางชนิด เช่น ต้นตะขบ ลักษณะใบที่เป็นขนสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้ดี การปลูกต้นไม้จึงเป็นแนวทางที่ทุกคนทำได้ ยังไม่หวังว่าทำวันนี้จะได้พรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยสร้างออกซิเจนและเพิ่มประสิทธิภาพให้อากาศ หากเริ่มทำวันนี้ปัญหาในอนคตก็จะลดลง ขณะที่โรงเรียนหรือสถานที่ทำงานที่อยู่ในเขตสีส้มหรือสีแดง ก็ต้องพิจารณาว่าจะเลื่อนเวลาเข้าเรียนเข้างานหรือจะสั่งเรียน วันนี้ผลกระทบอาจจะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่ในอนาคตอาจจะเกิดขึ้นกับลูกหลานเรา ถ้าไม่แก้ปัญหาตั้งแต่วันนี้ อย่านิ่งนอนใจ เพราะระยะยาวปัญหาจะเรื้อรัง

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ฝุ่นนับเป็นสาเหตุการตายก่อนเวลาอันสมควร ซึ่งสถานการณ์ของไทยจะเกิดขึ้นในฤดูหนาวปลายปีต่อต้นปี โดยสภาพอากาศที่นิ่งและลมสงบ ฝุ่นได้ขังตัวอยู่ระดับล่าง ทำให้คนสูดดมเข้าไป โดยในช่วงเดือนพ.ย.ปี 61 ระดับของอากาศยังอยู่ที่สีเขียว กระทั่งเมื่อธ.ค. กลับมาเป็นสีส้ม จากนั้นลดลงช่วงปีใหม่เพราะเนื่องจากฝนตกลงมา และได้เพิ่มระดับขึ้นเป็นสีสมและแดงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดีผู้ที่เป็นโรคหอบหืดจะถูกกระตุ้นได้เร็วว่าโรคอื่นๆ ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนรับรู้ค่าสารอื่นๆ นอกเหนือจาก PM2.5 ก็มีสูงเช่นกัน ถ้าไม่มีหน้ากาก N95 การใส่หน้ากากอื่นๆ ก็ยังช่วยกรองฝุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่า PM2.5 ได้

นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้แทนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า สิ่งที่ต้องแยกคือตื่นกลัวและตื่นตัว ความจริงเรื่อง PM2.5 ไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิดแต่มีหลายปีแล้ว แต่การตื่นตัวเฉพาะหน้าจะรับมืออย่างไร และระยะยาวจะทำอย่างไร ถ้าอากาศอยู่ในระดับสีส้มยาวทั้งปี ก็จะเท่ากับสูบบุหรี่ครึ่งซอง ระยะ 30 ปี ถ้าสีแดงก็จะเท่ากับสูบบุหรี่ 1 ซอง ระยะเวลา 30 ปี แต่กลุ่มที่น่าเห็นใจ คือ คนทำงานกลางแจ้ง อาทิ พ่อค้าแม้ค้า ตำรวจจราจร คนทำความสะอาด คนที่ขับรถสาธารณะ รปภ. โดยจะมีอาการตั้งแต่หอบ ความดับ จนไปถึงระยะยาวอัมพฤกษ์อัมพาต ดังนั้นเมื่อกลับบ้านใช้น้ำสะอาดล้างตาและล้างจมูก หากพบว่าดวงตาแดงมากๆ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายต้นไม้ในเมือง กล่าวว่า ฝุ่นเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งสาเหตุคงไม่ใช่แค่การสันดาปที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ โดยวิธีลงทุนถูกที่สุด แต่ได้ผลสูงสุดในระยะยาว เป็นหนึ่งตัวช่วยแก้ไขได้ คือ ต้นไม้ในเมืองจะฟอกอากาศให้ดีขึ้น ควรมาช่วยกันเพิ่มต้นไม้ ถ้าเราไม่ปลูกต้นไม้ให้สัมพันธ์ต่อประชากร ปัญหาก็ยังคงอยู่ โดยไม้พุ่มจะกรองอากาศระดับล่าง และไม่ใหญ่จะกรองอากาศชั้นบน พร้อมเสนอแนวทาง 7 มาตรการ 1.หยุดตัดต้นไม้หัวกุด ให้ต้นไม้ที่มีได้แตกกิ่ง ก้าน ใบ 2.อบรมรุกขกร ทุกหน่วยงานและทุกบริษัทรับตัดต้นไม้ 3.ดูแลระบบรากต้นไม้ 4.วางแผนการปลูกเพิ่ม 5.เพิ่มมาตรการทางกฎหมาย ให้ต้นไม้เป็นสมบัติสาธารณะ 6.บูรณาการจัดทำแผนบริหารจัดการต้นไม้ในเมือง และ 7.เสนอคณะรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในแผนระยะยางของชาติ เพราะการปลูกต้นไม้เราต้องคิดถึงคนที่ไม่มีความพร้อมที่จะรับมือกับฝุ่นบ้าง