เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นคู่รักที่ลงมือทำธุรกิจร่วมกันเพื่อมองการณ์ไกลถึงเรื่องอนาคต สำหรับคู่รักวิกหมอชิตอย่าง กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล กับหนุ่ม ธันวา สุริยจักร ที่ล่าสุดฝ่ายหญิงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มองเรื่องอาถรรพ์หากทำธุรกิจจะต้องเลิกกัน เพราะตอนนี้ก็ทำร่วมกันมาหลายตัวแล้ว

ก่อนหน้านี้ลงขันทำธุรกิจกับ ธันวา สุริยจักร
“ใช่ค่ะ หลายธุรกิจเลย เรามีมุมมองเดียวกันว่าจะสร้างทรัพย์สินด้วยกัน ถามว่าไปได้ด้วยดีไหม ไม่มีปัญหาเลยค่ะ อย่างที่พี่ๆ ไปทำข่าวล่าสุดก็คือ ไก่ทอด ยามะจัง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ราบรื่นดีค่ะ เรามีหุ้นส่วนที่แข็งแรงอยู่แล้วด้วย”

หลายคนก็ห่วงว่าคู่รักทำธุรกิจด้วยกันอาจจะทะเลาะหรือเลิกกัน 
“ไม่มีนะ นี่กำลังจะทำธุรกิจเพิ่มอีก 2 อย่างด้วยซ้ำ เราทำด้วยกันหมดเลยค่ะ ถามว่าเป็นรูปเป็นร่างหรือยัง อีกธุรกิจหนึ่งเป็นธุรกิจที่ประเทศลาว ซึ่งเราก็เป็นหุ้นส่วนกับธันวาเหมือนกัน กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง อยู่ในกระบวนการการทำงาน ก็ส่งคนที่ลาวมาฝึกงานที่เมืองไทยด้วย อันนี้เป็นธุรกิจเครื่องดื่มค่ะ”

ข้อดีของการเป็นแฟนแล้วทำธุรกิจด้วยกัน
“ยืมเงินได้ค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่ มันมีความไว้ใจกันมากๆ เราเชื่อใจ ต่อให้วันนี้ไม่มีเราอยู่ สามารถปล่อยให้เขาทำได้ หรือวันนี้เขาไม่อยู่ เราก็สามารถทำได้ เขาก็เชื่อใจเรา 100 เปอร์เซ็นต์ อันนี้คือสิ่งที่โอเคในการทำธุรกิจ ถามว่าปัญหามีไหม มันมีอยู่แล้ว เรามีเจตนารมณ์เดียวกันว่า ถ้าเรามีปัญหาจะมาช่วยกันแก้ มีเถียงมีความคิดเห็นไม่ตรงกันไหม ก็มี แต่เราไม่ได้ฟังความข้างใดข้างหนึ่ง เพราะเราไม่ได้มีหุ้นส่วนแค่สองคน เราจะเอามาแชร์ จะเป็นการเบรนสตรอมมากกว่า”

ช่วยกันทำงานหาเงินแต่งงานหรือเปล่า 
“(หัวเราะ) อันนั้นคงเป็นอนาคต (ลากเสียงสูง) เลยค่ะ ไกลเลย เรื่องแต่งงานกรีนยังไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้ามองว่ามันเป็นทรัพย์สินเพื่อครอบครัวทั้งสองฝ่าย อันนี้ใช่”

เราเลือกคนนี้แล้ว
“ใช่ คนนี้คือคนที่ใช่สำหรับเรา”

เป็นการสร้างรากฐานด้วยกัน
“ใช่ค่ะ อย่างที่บอกเรามีมุมมองเดียวกันในเรื่องของครอบครัว ในเรื่องของความรัก และในเรื่องของธุรกิจด้วย เรามองเหมือนกันตรงที่ว่าอยากจะสร้างความมั่นคงค่ะ”

มีการเปิดบัญชีร่วมกันเลยไหม
“หมายถึงใช้ชื่อด้วยกันเหรอ ถ้าทำธุรกิจก็ต้องมีบัญชีด้วยกันอยู่แล้ว ธันวาจะเป็นคนละเอียดเรื่องเงินมากจริงๆ กรีนก็ไม่ค่อยได้เจอคนประเภทนี้เท่าไหร่ เขาจะเก็บหมดทุกเม็ด มองเห็นภาพเลยว่าธุรกิจมันจะเติบโตได้ดีแน่ๆ”

ดูคู่เราสร้างความมั่นใจมีความชัดเจนมากขึ้น
“ก็ใช่ค่ะ อย่างที่กรีนเคยให้สัมภาษณ์ตอนนั้นรู้สึกว่า ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เราเป็นคนของสาธารณชนจะพูดอะไรออกไป ก็เหมือนเป็นประกาศิตนิดหนึ่ง ก็เลยต้องรอจังหวะ ตอนนี้เป็นจังหวะชีวิตที่ทั้งสองคนอายุใกล้เลขสามมาก ก็ต้องหาอะไรบางอย่างที่เริ่มชัดเจน พอมันชัดเจนปุ๊บ คราวนี้คำว่าเรื่องของคนสองคนก็ชัดเจนมากขึ้น”

ธันวาพิสูจน์อะไรให้เราเห็น จนรู้สึกว่าคนนี้ใช่สำหรับเรา
“ก็หลายอย่างนะคะ สิ่งหนึ่งก็คือการปรับตัวเข้าหากัน คือเราคนละพ่อคนละแม่ ทำยังไงให้สามารถมาอยู่ตรงกลางได้ เขาก็พร้อมที่จะปรับตัว กรีนก็พร้อมที่จะปรับตัว เราเห็นข้อดีตรงนี้ของตัวเอง และก็เห็นข้อเสียของตัวเอง แล้วก็เห็นข้อดีข้อเสียของเขาด้วย มันก็เลยค่อยๆ ซึมซับเติมเต็มเข้าไป”

ธันวามีพูดถึงอนาคตเรื่องแต่งงานไหม
“ก็มีค่ะ (หัวเราะ) จะพูดยังไงดี เราไม่ได้วางระยะเวลา แต่กรีนก็บอกเดี๋ยวก่อน กรีนยังนึกภาพตัวเองใส่ชุดแต่งงานไม่ออกเลย ขอแบบทำงานทำตามความฝันก่อน เราอยากไปเที่ยวรอบโลกด้วยกันนะ อยากพาครอบครัวไปได้แบบไร้กังวล ก็เลยขอให้เติมเต็มตรงส่วนนั้นไปก่อน”

แสดงว่าธันวาอยากแต่งงานแล้วเหรอ
“ไม่รู้ อันนี้ต้องไปถามเขาเองค่ะ (หัวเราะ) เขาอาจจะไปได้อิทธิพลจากฝั่งแม่เขามา ก่อนหน้านี้เขากลับไปบ้าน แล้วแม่เขาก็แฮปปี้กับเรา บอกว่าอยากอุ้มหลานจังเลย ธันวาเขาก็อินแล้วมาคุยกับเรา เราก็บอกว่าเดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นๆ เขามาคุยบอกว่าอยากได้ลูกสาว เขาชอบดูรูป และเขาสนิทกับพี่แอมป์ พีรวัศ ที่มีน้องเทรย์ ซึ่งน้องเทรย์น่ารักมาก เวลาน้องมาที่ฟิตเนสก็จะถ่ายรูปส่งมาแล้วบอกว่าน่ารักจังเลย เราชอบลูกผู้ชาย เราอยากได้ลูกชาย กรีนเลยบอกว่าก็มาเบ่งเองแล้วกัน (หัวเราะ) กรีนยังไม่พร้อม”

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคุยเรื่องสู่ขอกันบ้างหรือยัง
“อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ มีครั้งหนึ่งคุณแม่ธันวาได้เจอคุณแม่กรีน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคุยอะไรกัน แต่ก็ดูเข้ากันได้ดี ถามว่าจะมีปุ๊บปั๊บภายในปีสองปีนี้ไหม สำหรับแม่กรีนด้วยที่บ้านเราลูกผู้หญิงหมดเลย เขารู้สึกว่าใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน แต่ฝั่งธันวาหนูไม่รู้เหมือนกันวัฒนธรรมเขาเป็นยังไง”

วันวาเลนไทน์นี้จะมีเซอร์ไพรส์ไหม
“ไม่น่าจะมีนะ คงกินข้าวกันค่ะ”

เขาอยากมีครอบครัวแล้วทำให้เรากดดันไหม 

“ธันวาก็ชอบมีขี้น้อยใจนิดๆ เรื่องพวกนี้ แต่กรีนก็ให้เหตุผลบางอย่าง ก็บอกว่าก็จริง ก็ใช่ จะพูดว่ามันเป็นภาระก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เรายังมีภาระอย่างอื่นที่ต้องรับผิดชอบอีก เรายังไม่อยากเพิ่มบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งถ้าเราเพิ่มนั่นหมายความว่า เราต้องมีเวลาให้กับเขา 100 เปอร์เซ็นต์เลย แต่เรายังไม่มี ก็รู้สึกว่ารอให้พร้อมในเรื่องของการให้มากกว่านี้ การที่จะดูแลอีกชีวิตหนึ่ง กรีนก็ให้เหตุผลเขาไป เขาก็เข้าใจค่ะ”

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online