เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ทำเอานักแสดงสาวและซิงเกิลมัม แอนนี่ บรู๊ค ถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะตอนนี้เจ้าตัวเจอมรสุมหนัก ต้องดูแลลูกชาย น้องฑีฆายุ และคุณแม่ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพียงลำพัง ซึ่งตั้งแต่คุณแม่ล้มป่วยทำให้ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้น

โดยแอนนี่ บรู๊ค เผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว แอนทราบว่าลูกมีภาวะสมาธิสั้น เราก็เลยไปปรึกษาคุณหมอ เขาบอกว่าเป็นอาการเริ่มต้น ถ้าคุณแม่ดูตั้งแต่วันนี้น้องก็ไม่ต้องกินยา ซึ่งตอนนี้เขาก็ดีขึ้นมาก ๆ เมื่อก่อนนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้เลย

น้องฑีฆายุ พูดเสริมว่า คุณแม่ใช้ความรัก และเล่นกับผม ทำให้ผมดีขึ้น และตอนนี้ก็อยู่นิ่ง ๆ ได้แล้ว ตอนที่แม่ทำงานต่างประเทศผมก็ไม่อยากให้แม่ไป ตอนแม่ไปทำงานผมก็เศร้านิดหน่อย เพราะว่าผมคิดถึงแม่มาก ๆ เพราะว่าผมต้องอยู่กับลุงและป้า แต่ตอนนี้ผมก็ได้อยู่กับแม่แล้ว เวลาแม่ร้องไห้ผมทำให้แม่ไม่ร้องไห้ ผมได้บุญเยอะมาก ๆ ผมก็บอกว่าแม่สู้ ๆ นะครับ ผมรักแม่นะครับ

 

เรื่องคุณแม่ป่วยสาวแอนนี่ บรู๊ค บอกว่า เมื่อเดือนที่แล้ว คุณแม่ล้มในห้องน้ำ แล้วแกเป็นเบาหวาน โรคกระดูกพรุนด้วย พอล้มปุ๊บแกไม่ได้บอกเรา นอนแช่อึ แช่ฉี่ ลุกไม่ได้อยู่บ้านที่ลำปาง แล้วไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย ประมาณ 2 วันถึงจะมีคนไปเจอ ซึ่งแม่โทรศัพท์มาหาบอกว่ากลับมาหาแม่หน่อย พอเราไปเจอแม่ก็อยู่ในสภาพที่มีแผลกดทับแล้ว ตอนนี้ก็เลยพาแม่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน พาแกไปหาหมอ แต่ใจแกไม่สู้ ลุกขึ้นนั่งได้แต่แกก็ไม่ลุก ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นสาวแอนนี่บอกว่า ช่วงปีที่ผ่านมา พอรู้ว่าลูกสมาธิสั้น แอนก็หยุดบินไปทำงานต่างประเทศใช้เงินเก็บมาตลอด แล้วก็ไหนจะค่าเทอม เสื้อผ้า หนังสือ พาเขาไปเที่ยวห้างบ้าง จนมาถึงต้นปีที่คุณแม่ป่วยมันก็แทบจะไม่มีเงินแล้ว ซึ่งตอนที่คุณยายยังไม่ป่วย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน อันนี้คือประหยัดที่สุดแล้ว แล้วเราไม่เคยขอรับบริจาคและไม่เคยยืมเงินใคร คือพอเอาคุณแม่มาเรามีเงินแค่พอกินข้าว จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ไม่มีเงินพอที่จะซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะดูแลคุณแม่ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ต้องขอความช่วยเหลือบ้าง

เรื่องคุณพ่อ คุณแม่บุญธรรม ของน้องฑีฆายุ นั้น สาวแอนนี่ บอกว่า วันที่เป็นข่าวมีคนเสนอตัวจะส่งเสียน้องฑีฆายุเรียนจนจบปริญญาตรี แต่พอถึงแค่อนุบาลหนึ่ง เทอมแรกค่าเทอมก็ไม่ได้แพง เขาก็บอกว่า มันแพงไป เขาใช้คำพูดเหมือนเราไปขอเงินเขา ซึ่งจริง ๆ เราไม่ได้เป็นคนขอความช่วยเหลือ เขาเป็นคนออกตัว ออกสื่อเอง เขาใช้คำพูดที่มันเหยียบใจเรา เราก็เลยบอกว่านั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูดูแลลูกเอง เรื่องดราม่าที่ให้ลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ เพราะค่าใช้จ่ายสูงนั้น  ตอนแอนทำงานต่างประเทศแอนจ่ายได้ แล้วแอนคิดว่าต่อไปนี้แอนก็จะต้องทำงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่ไหว ซึ่งเราเป็นคนขยันยังไงเราก็จ่ายได้ บางคนบอกว่าไม่มีตังจะให้เรียนทำไม อนาคตของลูกใคร ๆ ก็อยากให้ดีกว่าพ่อกว่าแม่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ให้ลูกย้ายโรงเรียนมาเรียนโรงเรียนใกล้ ๆ บ้าน เป็นโรงเรียนสอนภาษาธรรมดา