การจากไปของพระเอกแสนดี ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ อาจจะยังทำให้หลายคนทำใจไม่ได้ และยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ แต่หากลองคิดซะว่าปอจากไปแต่ตัว แต่ผลงานและคุณความดีของปอ เรายังได้เห็นอยู่ยังรับรู้ได้ เท่านี้ก็พอจะสบายใจและทำใจได้ขึ้นเยอะแล้วล่ะ
แล้วที่กำลังจะได้ดูแน่ๆ ก็ผลงานล่าสุดของปอ ละครคอมมิดี้ “ท่านชายกำมะลอ” ละครแห่งการรอคอย ซึ่งช่อง 3จัดคิวให้ลงจอต่อจาก “สาวน้อยร้อยล้าน” เรียบร้อยแล้ว โดยจะประเดิมตอนแรกวันพุธที่ 2 มีนาคมนี้ ในช่วงเวลาละครเย็น 19.05-19.50 น.
แม้จะผิดคาดไปจากความคาดหวังของแฟนละครที่อยากให้ลงเป็นละครหลังข่าว แต่ “จันทร์ฉาย” บอกเลยว่าละครเรื่องนี้แฟนละครต้องดูให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนละครช่อง 3 หรือแม้จะไม่ใช่แฟนละครเลยก็ตาม แต่หากเป็นคนที่รักและชื่นชมศรัทธาในความเป็นคนดีของปอยิ่งต้องดู เหตุผลก็เพราะ
1.เป็นละครที่ปอแสดงฝีมือครบเครื่องสมกับคำว่าพระเอกคุณภาพคับจอ เพราะเป็นเรื่องราวของหนุ่มรปภ.ที่สถานการณ์พาไป จนกลายเป็นว่าต้องไปหลอกลวงชาวบ้านว่าตัวเองเป็นท่านชายจากตระกูลสูงศักดิ์ มีบทหลากหลายให้ปอต้องแสดงฝีมือทั้งคอมมิดี้ เฮฮา แล้วก็ยังมีซีนดราม่า ชนิดที่ว่า หัวเราะเฮฮาอยู่ดีๆ มีเผลอน้ำตาซึม ดูแล้วจะรู้ว่าทำไมพระเอกคนนี้ถึงมีผลงานร่วมๆ 30 เรื่องตลอด 10 ปี ในวงการ ก็เพราะฝีมือครบเครื่องแบบนี้นี่เอง
2.เป็นละครรีเมคที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยค่ายยูม่าฯ เมื่อ ปี 2540 พระนาง ต้น จักรกฤษณ์ กับ เชอร์รี่ เข็มอัปสร ฝีมือผู้กำกับมือเก๋า ชูชัย องอาจชัย ด้วยฝีมือดารา พล็อตเรื่องชวนติดตาม และมีเรื่องราวให้ได้ลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เลยทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากมายในยุคนั้น เอามาทำใหม่คราวนี้โดยค่ายยูม่าฯเหมือนเดิม และผู้กำกับคนเดิม ดาราครบครัน เชื่อได้ว่าความสนุกไม่ลดน้อยลงไปแน่นอน
3.เป็นละครที่ปอทำหน้าที่ป๋าดันครั้งสุดท้ายในชีวิต ก็เป็นอีกครั้งที่ปอได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ให้ทำหน้าที่ป๋าดัน เพื่อให้โอกาสกับนางเอกดาวรุ่งน้องใหม่ คราวนี้เป็นคิวของ พริม พริมา พันธุ์เจริญ ถึงแม้จะผ่านงานมา 2-3 เรื่อง มีโอกาสได้เป็นนางเอกมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยประกบกับพระเอกเกรด A แบบนี้ ด้วยความเก๋าประสบการณ์ ทำให้ปอสามารถถ่ายทอดวิชาให้ดารารุ่นน้องๆ ได้เต็มฝีมือ อีกทั้งความมีเสน่ห์และสามารถเล่นบทไหนก็ตีบทแตกทำให้ปอประกบกับใครก็ลงตัว และจุดนี้เองที่จะช่วยเสริมและเพิ่มความมั่นใจให้ดารารุ่นน้องในการก้าวขึ้นมาเป็นดาราที่มีแววให้เจียระไนต่อไปในอนาคตได้ และนี่ก็ถือว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของปอ ป๋าดันแถวหน้าของวงการ
4.เป็นละครสนุกแต่ก็มีข้อคิดสอนใจ ดูแล้วยังได้ข้อคิดด้วย ว่าคนเราไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอยุ่ในสถานะที่สูงส่งเพียงใด ก็หนีตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปไม่พ้น ละครเรื่องนี้จะช่วยสะกิดให้เราไม่ลืมตัวตนจริงๆ ไม่ให้เราสวมหน้ากากหลอกลวงใคร เพราะการหลอกลวงจะนำความทุกข์ระทมใจมาให้เราเอง
5 .เป็นละครเรื่องสุดท้ายในชีวิตของปอ ที่ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ราวๆกลางปีที่แล้ว และมาปิดกล้องประมาณเดือนตุลาคม ปี 58 ก่อนที่ปอจะล้มป่วย และจากพวกเราไปไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง จะว่าไปแค่เหตุผลในการเป็นละครเรื่องสุดท้ายของ ปอ ทฎษฎี พระเอกตัวจริงก็พอเพียงต่อการดูละครเรื่องนี้แล้วล่ะครับ
และในIG ของปอ portid เมื่อครั้งที่ละครเพิ่งปิดกล้อง ปอก็โพสต์ข้อความไว้ว่า “ปิดกล้องแล้วครับ กับท่านชายกำมะลอ เป็นการทำงานที่มีความสุขมาก ขอบคุณอายุ อาเม้าท์ พี่เอ๋ และทีมงานยูม่า และนักแสดงทุกคน ขอบคุณมากๆครับ ที่ไว้ใจให้ผมรับบทนี้ สุดยอดเลยขอบอก แล้วเจอกันนะครับ”
งานที่ปอเอ่ยปากว่ามีความสุขที่ได้ทำ เอ่ยปากว่าสุดยอดแบบนี้ แถมยังมี 5 เหตุผลมาประกอบด้วย จะไม่ดูได้ยังไง ครับ
“จันทร์ฉาย”
