เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ต้องบอกเลยว่าถึงกับเก็บอาการเขินเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว สำหรับ ดาว มยุรี นักร้องสาวรุ่นใหญ่เจ้าของเพลงฮิต มีเมียแล้วไม่เอา, สาวแผงลอย , มิน่าล่ะ และอีกมากมาย หลังถูกบรรดาสื่อจ่อไมค์ถามถึงแคปชั่นที่เจ้าตัวโพสต์ลงบนอินสตาแกรม ซึ่งมีเนื้อหา “กับบางคน ไม่ต้องคุยบ่อยๆไม่ต้องคุยทุกวัน แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกัน มันก็ทำให้ ยิ้มได้ทุกที” จนถูกสงสัยว่าแบบนี้จะใช่อาการของคนอินเลิฟหรือเปล่า!?

โดยงานนี้นอกจากลูกทุ่งสาวชื่อดัง ดาว มยุรี จะยอมออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกถึงความรักครั้งใหม่กับหนุ่มคนสนิทที่กำลังศึกษาดูใจกันอยู่แล้ว เจ้าตัวก็ยังถือโอกาสนี้เผยอัปเดตความสัมพันธ์กับลูกสาว น้องเฟรช ณัฐธิดา ให้เราฟังอีกด้วย

 

 

“สำหรับความสัมพันธ์ของพี่กับลูก ก็รู้สึกว่าเรากับลูกสาวมีความเข้าใจกันมากขึ้น และเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อายุ 16 แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนเขาจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเอาใคร แต่พอได้ให้เขาไปเรียนรู้ประสบการณ์เมืองนอก ก็รู้สึกว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและทำให้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ”

“ถามว่าการเลี้ยงลูกสำหรับพี่มันยากไหม สมัยนี้ก็เลี้ยงยากนะคะเพราะโลกโซเชียลมันเยอะ และเขาก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก ดังนั้นเราก็ต้องคอยควบคุมดูแลอยู่ห่างๆ คอยถามคอยไถ่ว่าอะไรเป็นยังไง เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้เราจะเป็นแค่แม่อย่างเดียวไม่ได้ แต่เราต้องเป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน และเป็นทุกๆ อย่างให้เขาด้วย เรียกว่าเป็นการปรับตัวเข้าหาลูก”

สำหรับตัวพี่ดาวเราเป็นห่วงลูกเรื่องอะไรมากที่สุด ?
“เรื่องโซเชียลและก็เรื่องสังคมปัจจุบันค่ะ เพราะสมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยก่อน โลกมันเปิดกว้างมากขึ้นเราก็เลยรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็พยายามดูแลเขาค่ะ (ยิ้ม) อย่างช่วงนี้เขากำลังเรียนสอบเทียบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงเขาค่ะ”

แสดงว่าช่วงนี้ก็ต้องให้ลูกอยู่ที่เมืองไทยตลอด ?
“ช่วงนี้ให้อยู่เมืองไทยก่อนค่ะ เพราะอย่างที่บอกเราเองก็รู้สึกเป็นห่วงถ้าให้เขาไปอยู่เมืองนอก คือตอนแรกเขาเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ไม่เอาสังคมไม่เอาใครเลย แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เขาได้ลองไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอเมริกาประมาณเดือนกว่าๆ ก็เหมือนกับเขาจะเข้าใจเรื่องการมีสังคมมากขึ้น เราเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราได้ลูกคนใหม่กลับมา”

เรามีความเป็นห่วงเรื่องการมีเพื่อนผู้ชายบ้างหรือเปล่า ?
“เป็นห่วงค่ะ เป็นห่วง แต่พี่ก็จะไม่ปิดกั้นลูกนะ เพราะเขาก็จะคุยกับเราก่อนตลอด ซึ่งพี่ก็จะคอยรับฟังเขา ไม่ใช้วิธีดุ แต่จะใช้วิธีสอน เหมือนบอกเขาให้เขารู้ว่าตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่ เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ และหน้าที่ของเขาคืออะไร เราต้องให้เหตุและผลกับเขา ให้ความไว้ใจกัน แต่จริงๆ ก็อยากให้เขาเรียนให้จบก่อนค่ะหรือมีงานทำก่อน ถ้า ณ ตอนนี้ถ้าจะคบกันจะให้กำลังใจกันพี่ก็โอเค แค่อย่าให้เกินเลยมากกว่านั้นก็พอเพราะเขายังเด็ก”

 

 

นอกจากเราจะหวงลูกสาวแล้วลูกสาวก็ห่วงเราด้วย ?
“ณ ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้นค่ะ คือถ้าหากแม่จะคบกับใครเขาก็ต้องดูว่าคนนั้นรักคุณแม่เขาจริงหรือเปล่า รับผิดชอบคุณแม่เขาได้แค่ไหน คือเขามีความเข้าใจมากขึ้นค่ะ ส่วนตัวพี่เองพี่ก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่า คนที่เข้ามาลูกเราชอบไหมและเขาจะเข้ากับลูกเราได้ไหม ซึ่งพี่ไม่มีการปิดกั้นลูก หากพี่จะคบกับใครพี่ก็จะบอกกับเขาก่อน”

ได้วางแผนอนาคตในวงการไว้ให้ลูกบ้างหรือเปล่า ?
“ก่อนที่เขาจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาเขาชอบการเต้นมากค่ะ เป็นเด็กที่รักการเต้นมาก ลงประกวดเต้นทุกเวที แต่ว่าพอเขากลับมาจากการเรียนซัมเมอร์และตั้งใจจะสอบเทียบ พี่ก็เลยต้องขอให้เขาหยุดเอาไว้ตรงนี้ก่อนเรื่องการเต้น เอาไว้เขาเข้ามหาวิทยาลัยได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมาเอาจริงเอาจังเรื่องการเต้นอีกที”

ถามถึงข้อความที่เราโพสต์ว่า “คนที่ทำให้ยิ้มได้” อันนี้เราสื่อถึงใคร ?
“ก็ต้องติดตามกันต่อไป (เขิน) ก็มีคนคบมีคนคุยอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งคนนี้ลูกเขาก็ให้ผ่าน เขาบอกว่าแล้วแต่คุณแม่”

สรุปก็คือตอนนี้เรามีคนที่คบหาดูใจกันอยู่ ?
“ก็มีคนคุยค่ะ มีคนคุยกัน แต่เอาไว้ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก่อนนะเพราะพี่ก็เคยพลาดมาเยอะ เคยผิดพลาดมาแล้ว ไม่อยากให้คนมองว่าคบแล้วเลิก ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ให้เขาทำให้เรายิ้มได้อยู่คนเดียวก็พอแล้ว”

คนที่คุยอยู่เขาเด็กกว่าหรือว่าโตกว่าเรา ?
“พี่ไม่ชอบเด็กค่ะ ไม่ชอบเด็กแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยชอบเด็กนะ แต่ ณ วันนี้พี่มองว่าการที่เราจะคบใครสักคนเราก็ต้องดูและต้องระวัง ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ขอให้อยู่เป็นกำลังใจของกันและกันก่อนดีกว่า ถ้าหากมันถึงเวลาเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน”

by TVPOOL ONLINE

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online