เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับนักแสดงวัยรุ่น “แน็ก ชาลี ไตรรัตน์” ที่ล่าสุดเจ้าตัวโผล่มารับงานละครอีกครั้งในรอบหลายปี ให้กับผู้จัดสาวไฟแรงแห่งค่ายกันตนา “สตางค์ ดิษย์ลดา ดิษยนันทน์” ในละครเรื่อง “เงินปากผี”

ซึ่งงานนี้หลายคนก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวได้แอบไปซุ่มทำอะไรมาบ้าง และชีวิตช่วงนี้แฮปปี้มากน้อยขนาดไหน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวกลับมาคืนจออีก !?

โดยหนุ่ม แน็ก ชาลี เองก็ได้เผยแบบละเอีดดยิบเช่นเดียวกันว่า สาเหตุที่ตนเองกลับมารับงานอีกครั้งก็เพราะอยากที่จะหาเงินไปใช้เป็นทุนในการทำดนตรี รวมถึงช่วยค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ ส่วนอนาคตจากนี้ต่อไปเจ้าตัวก็ได้ยอมรับว่าแค่คิดไว้เฉยๆ ว่าจะทำอะไร แต่ถ้าต้องให้ทำงาน 7 วัน คงไม่ไหวเพราะยังรู้สึกขี้เกียจ อีกทั้งยังมีอะไรที่อยากทำและอยากศึกษาอีกเยอะ

หลายคนสงสัยเลยว่าทำไมเราถึงได้หวนกลับมารับงานในวงการอีกครั้ง ?
“คือเราก็รู้สึกว่าเราก็ต้องเริ่มกลับมาทำงานบ้างแล้วนะ แต่อะไรคือจุดที่ทำให้คิดแบบนี้ เอ่อ…(หัวเราะ) หลายจุดมาก อย่างจุดที่แบบช่วงหลังมานี้ผมไปทำดนตรี และใจผมก็ยังอยากที่จะทำดนตรีอยู่

แต่การทำดนตรีมันต้องหาเงินมาทำด้วย ดังนั้นปัญหาหลักเลยก็คือเรื่องเงิน ซึ่งถ้าอยู่ปกติผมไม่สนใจอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าเราอยากรู้เรื่องดนตรีและมันต้องใช้เงินเยอะ ดังนั้นถ้าจะให้อยู่ไปวันๆ มันก็ไม่ได้”

การรับงานละครตอนนี้เราเลือกบทได้ไหม หรือว่าบทไหนเราก็เอาหมด ?
“ถ้าลองไปเช็คจริงๆ ผมมีบทส่งมาให้รับเยอะมากนะ และก็เป็นบทดีๆ เยอะมากด้วย แต่มันเหนื่อยครับ คือถ้ามันเหนื่อยและก็เป็นบทที่เครียดผมก็ไม่ไหวละ ผมยอมแพ้”

เป็นเพราะตัวเราเองด้วยหรือเปล่าที่เป็นคนเลือกเยอะ ?
“จริงๆ ไม่ได้เลือกเยอะนะครับ แค่อยากทำช่วงนี้อะไรแบบนี้มากกว่า”

ถามถึงเรื่องดนตรีคุณพ่อคุณแม่เขาไม่ได้ช่วยเหลือหรือยังไง ?
“พอดีผมไม่ได้รบกวนเงินพ่อแม่ ไม่ได้รบกวนเงินใคร และที่สำคัญผมเป็นคนใช้เงินเยอะมาก”

จริงๆ มันมีโอกาสไหมที่เราจะตัดใจไม่ทำดนตรีดีกว่า ?
“ผมยังอยากทำดนตรีอยู่ครับ อย่างเมื่อกี้นี้ได้มีโอกาสเจอกับ พี่สิงโต นำโชค ผมก็ยังถามยังปรึกษาพี่เขาอยู่เลยครับ”

เหมือนว่าการกลับมาครั้งนี้เราจะนำเงินที่ได้จากการแสดงละครไปซับพอร์ทเรื่องดนตรี ?
“คือผมเป็นคนที่ยังไม่ได้เก็บเงิน ผมชอบซื้อของ ชอบเลี้ยงสัตว์ แต่ตอนนี้ก็มองว่าจะขายรถที่บ้านแล้วนะเพื่อนำเงินมาดูแลมาเลี้ยงสัตว์ ส่วนเรื่องดนตรีอันนี้ผมไม่ได้เสียเงินเรียนนะ แต่ผมเสียเงินหนักตรงที่ผมอยากเล่นเครื่องดนตรีเป็นทุกชิ้น ทุกราคา”

ทางบ้านว่ายังไงบ้างดูเราจริงจังขนาดนี้ ?
“เขาก็ว่าครับ เพราะเงินที่ได้จากการแสดงหนังหรือการแสดงละครผมใช้แค่แปปเดียวก็หมดแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี”

ที่เราบอกว่าจะขายรถอันนี้เป็นรถใหญ่เลยหรือยังไง ?
“ไม่ใช่ครับ พอดีว่าที่บ้านผมมีมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ไม่ใช่รุ่นใหญ่ๆ เลย แต่ไม่ถึงกับสะสมหรอกครับ แค่ชอบเฉยๆ”