เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ต้องบอกเลยว่า…เป็นที่ชื่นชอบของคนดูเป็นจำนวนมากจริงๆ สำหรับ “อ้อยใจ แดนอีสาน”  แสดงได้เหมือนจริงๆด้วย ยิ่งฉากข้าวเม่าพอก รู้สึกเหมือนไปขายเองเลย ว่าแต่ตาสีน้ำเงินดำมันช่างเหมาะกับสาวตาคลีที่เป็น คุณตัวจริงๆเชียว
เวลาเดินออกมาสามคนนึกว่า สามสาวดาวซิ่ง พับพับเกิล เชียวล่ะ   ซึ่งในละคร “อ้อยใจ” ได้สร้างสีสันให้กับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นเจ้าของเพลงฮิตในอดีต อย่าง “ผัวฉันหาย” ที่เหมือนได้ชุบชีวิตใหม่อีกครั้งหลังหายหน้า หายตาจากวงการนาน 7 ปี ล่าสุด อ้อยใจ มาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ว่า…

พูดถึงกระแสความสำเร็จละครหน่อย กลับมาอีกครั้งเลยไหมกับความโด่งดังของเรา ?

            อ้อยใจ : ก็ไม่รู้ความดังมันเป็นยังไง ก็ธรรมดา แต่ว่าไปไหนก็มีแต่คนเรียกชื่อเต็ม ๆ แบบของดีสระบุรี ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าเขาเรียกเรา ไปเติมน้ำมันก็มีคนมาถ่ายรูป เราก็งงว่าเราดังเหรอ ก็ดีใจมาก ๆ เลย

เราหายไป 7 ปีเลย ตอนนั้นหายไปไหน ?

            อ้อยใจ : ตอนนี้ลูกทุ่งมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย มันเป็นแนวย้อนยุคมากกว่า ย้อนยุคต้องใช้เสียงเยอะ แล้วคนนั่งฟังก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว

แล้วอยู่ดี ๆ แม่มาเล่นละครได้ยังไง ?

            อ้อยใจ : เคยคิดนะ ฟลุกหรือเปล่าไม่รู้ เคยเห็นคุณพงษ์พัฒน์เขาทำละครดี แต่ไม่เคยดู เพราะเปิดไม่เป็น โทรศัพท์ก็ยังใช้ไม่เป็นเลย แต่ได้ยินเขาพูดหนาหูมากว่าคุณพงษ์พัฒน์เขาสร้างละครดี เราก็คิดในใจ อยากเล่น อยากรูจักคุณพงษ์พัฒน์ คงไม่มีวาสนาหรอก


เห็นว่าไปไหว้พระอธิษฐาน ?

            อ้อยใจ : ตั้งนานแล้ว เราลืมไปแล้ว ประมาณ 3 ปีกว่า เพื่อนก็พาไปดูดวงกับหลวงพ่อ เขาก็บอกว่าดวงจะมานะ แต่อีก 3 ปี

ขอพรให้ได้เล่นละครของพี่อ๊อฟ แล้วพอหลังจากที่เขาติดต่อมา เคยถามไหมว่าทำไมถึงติดต่อมา ?

            อ้อยใจ : ตอนนั้นก็มีสาวประเภทสองโทร. มาก็บอกว่านี่คุณนายจะให้เล่นละคร ตามหาตั้งนานแล้ว เบอร์ไม่มีใครให้เลย เขาก็บอกว่าอยากเล่นไหม ถ้าไม่เล่นฉันเล่นเอง ตอนนั้นเราคิดว่าไม่จริงหรอก พอพูดเสร็จก็หายไปประมาณ 4 เดือน แล้วทีนี้เราไปคุยกับคนที่ขายยำแหนมว่าคุณพงษ์พัฒน์เขาอยากให้เราไปเล่นละคร เราก็บอกว่าดีสิถ้าได้เล่น ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าพูดไปเขาไม่ติดต่อมาเราเขินแย่

แล้วพอเขาโทร. มาเขาบอกไหมว่าให้แม่เล่นเป็นบทอะไร ?

            อ้อยใจ : เล่นเป็นบทประนอม แต่ไม่ทราบว่าเล่นกับใคร เรื่องโสเภณีเราก็มารู้ตอนเล่น ซึ่งเราอ่านหนังสือไม่ออก แต่เราก็รับไว้ก่อน

แล้วมีคนคิดว่าเราเป็นโสเภณีจริง ๆ บ้างไหม ?

            อ้อยใจ : ตอนนี้เยอะเลย

แล้วแม่อ่านบทยังไง เมื่อกี้แม่บอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก ?

            อ้อยใจ : ให้น้องเฟรชบอกว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ก็มีคนอ่านให้แม่ฟังแล้วแม่ก็จำเอา

เห็นว่าเกือบไม่ได้เล่น ที่สำคัญเกือบตาบอดเลย ?

            อ้อยใจ : บอดไปแล้ว ตามองไม่เห็นแล้ว ก่อนที่ละครจะถ่ายเนี่ย คิดว่าเขาคงไม่เอาแล้ว

มันเกิดจากอะไร ?

            อ้อยใจ : พอดีขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปให้อาหารหมา ปกติใส่หมวกอีโม่งไม่ให้ใครเห็นกลัวดำ แต่วันนั้นไปถอด พอถอดรถหินอยู่ข้างหน้ากระเด็นมาใส่ตา ตอนแรกคิดว่ามันไม่เป็นอะไร แล้วไปขยี้มัน 3-4 วันก็ไม่ดีขึ้น พอนอนก็ต้องแหกตานอนไม่ได้หลับ แล้วก็ไม่ได้ไปหาหมอ คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรมาก แล้วทีนี้เลือดมันไหลก็ไปหาหมอ หมอก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรเดือนหน้ามาใหม่อีกที เราก็รอไม่ไหวก็เปลี่ยนเป็นหมอเฉพาะทาง ทีนี้หมอก็ถามว่าไปทำไรมา เราก็บอกว่าหินมันกระเด็นเข้าตา หมอบอกทำไมเพิ่งมา หมอบอกว่ารู้ไหมมันบอดแล้วเนี่ย ตอนคุณหมอพูดเราใจเสียแล้ว หมอบอกแล้วแต่เวรแต่กรรม เขาก็ถามอีกว่าทำบุญไว้เยอะไหม หนูก็บอกว่าก็ทำนะ พวกหมู ๆ หมา ๆ ทำเยอะ ๆ เขาพูดไม่ได้ เราก็เลยไปขอเวลาไปให้อาหารหมาก็ยกมือไหว้หมา ขอให้ดวงตาแม่หายนะ แม่จะได้เอาข้าวมาให้หนูกิน ขอทุกวันเลย ถามว่ากี่วันหาย ก็พอดีละครโทร. มาตอนนั้นจาง ๆ ลง แล้วมองเห็น โอ๊ย ดีใจมากเลย

ตอนนั้นเคยคิดไหมว่าถ้าบอดจริง ๆ เราจะทำยังไง ?

            อ้อยใจ : เรานึกถึงภาพคนที่เขาตาบอดทั้งสองข้างเขาคงทรมาน เราแค่ข้างเดียวก็มองไม่ชัดแล้ว คิดว่าถ้าบอดคงทำใจไม่ได้

เรื่องครอบครัว แม่มีพี่น้องหกคน ค่อย ๆ ล้มหายตายจากกันไปหมดเลย ?

            อ้อยใจ : เรื่องนี้มันยาวมากเลย พี่น้อง พี่สะใภ้ พี่ชาย เขากินเหล้าแต่เขาไม่ได้เกเรนะ

ทุกวันนี้แม่อ้อยอยู่ตัวคนเดียว ?

            อ้อยใจ : ใช่ คือเราพาเขาไปสาบานบอกว่าอยากได้ทองไหม ตอนนั้นเราไปร้องเพลงต่างประเทศแล้วได้เงินเยอะ เขาก็บอกว่าอยากได้สิ พี่เกิดมาไม่เคยใส่ทอง เราก็ซื้อให้ แต่เราก็บอกว่าถ้าอยากได้ต้องเลิกเหล้านะ เขาก็บอกว่าเลิก ๆ พี่จะเลิกจริง ๆ

คือแม่เอาทุกคนไปสาบาน แล้วผิดคำสาบานทำให้ทุกคนเสียหมด ?

            อ้อยใจ : พระท่านบอกว่าอาตมาไม่ทำหรอกนะ ถ้าทำไปไม่รอดสักคนนึง พี่บอกว่าทำเลยหลวงพ่อ ผมจะรีบกลับน้องสาวอุตส่าห์พามา พอสวดมนต์อะไรเสร็จกินน้ำมนต์วันนั้นกลับไม่ได้เลย เขาลงมาอ้วกเขียว อ้วกแดงกัน เราก็อุ้มไม่ไหวปล่อยให้นอนตรงนั้นแหละ

แล้วหลังจากวันนั้นทุกคนเลิกไหม ?

            อ้อยใจ : เลิกได้ประมาณ 2-3 ปี แล้วกลับมากินใหม่เพราะไปพบเพื่อนฝูง เพื่อนเขาบอกว่าอย่าไปเชื่อเลยกินไปเลย กินตอนแรกไม่เป็นไร แต่ละคนเสียชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนไปเข้าห้องน้ำที่ห้างอยู่ ๆ ก็ไปนั่งตายในห้องน้ำ แล้วอีกคนนั่งคุยอยู่แล้วฝั่งตรงข้ามมีอ่างกระถางบัวอยู่แล้วเผลอหลับสูดน้ำกระถางบัวตายเลย

พอเราเจอเหตุการณ์แบบนี้เราฝากข้อคิดให้คนที่ไปสาบานที่ไหนหน่อย ?

            อ้อยใจ : อย่าได้คิดไปสาบานเลย คำสาบานเป็นจริงนะ แต่มันก็แล้วความเชื่อส่วนบุคคลนะ