เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

1.ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ และกางเกงในผ้าฝ้าย

      วิธีนี้จะเพิ่มการไหลเวียนของอากาศไปยังขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณออกกำลังกายหรือมีเหงื่อและป้องกันการสะสมความชื้น ซึ่งจะช่วยลดกลิ่นที่เกิดจากเหงื่อหรือแบคทีเรียได้นอกจากนี้คุณก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายทันทีที่คุณออกกำลังกายเสร็จ อย่าใส่เสื้อผ้าเปียกชุ่มเหงื่อนานกว่าที่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ใส่กางเกงในที่สะอาดอยู่เสมอทุกวันเพื่อป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียและกลิ่น

 

 

2.เวลาเข้าห้องน้ำให้เช็ดจากหน้าไปหลัง

ป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียจากก้นไปยังอวัยวะเพศด้วยการเช็ดจากหน้าไปหลังหลังการขับถ่าย วิธีนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอวัยวะเพศของคุณปราศจากแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดกลิ่นและการติดเชื้อ

3.รับประทานโยเกิร์ตเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของยีสต์

โยเกิร์ตประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ก่อตัวตามธรรมชาติที่ช่วยสร้างสมดุลของสารคัดหลั่งแบคทีเรียที่อยู่ในอวัยวะเพศและร่างกายส่วนอื่นทั้งหมด ถ้าคุณติดเชื้อจากราบ่อยครั้ง การรับประทานโยเกิร์ตทุกวันถือเป็นสิ่งที่ดี เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพในการช่วยกำจัดกลิ่นน้องสาวที่เกิดจากการติดเชื้อรา

ตรวจดูด้วยว่าโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตยีสต์ได้มากขึ้น

 

4.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น

งดอาหารหมักดองต่างๆ ปลาเค็ม ปลาร้า อาหารทะเล เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นทำให้เกิดตกขาว แถมอาจก่อให้เกิดกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์อีกด้วย หลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด

 

5. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะจุดซ่อนเร้น

ในช่วงที่มีประจำเดือนหรือ ออกกำลังกาย หนักๆจนเหงื่อไคลท่วมตัว การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ ก็จะช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและลดกลิ่นอับได้อีกด้วย

 

 

6.โกนขน!!

ขนตรงจุดซ่อนเร้นปล่อยไว้แบบนั้นดีแล้ว อย่าไปโกนจนเกลี้ยงเกลาเกินไป แค่ใช้กรรไกรตัดเล็มนิดหน่อยก็พอ

เพราะขนตรงนั้นมันมีประโยชน์ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอดได้ง่ายนั่นเอง

 

 

7.ทาแป้ง

สาวๆบางคนกลัวน้องสาวจะมีกลิ่นอับชื้นเลยจับทาแป้งซะเลย ซึ่งเป็นการเสี่ยงที่จะก่อให้เป็นโรคมะเร็งรังไข่ กลายภัยเงียบที่คุณสาวๆอาจไม่รู้ตัวเลยล่ะ

8.ผ้าอนามัย

ควรเปลี่ยนทุก 3-4 ชั่วโมงต่อครั้งเพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น แต่หากเป็นวันที่มามากเป็นพิเศษ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนเร็วขึ้นหรือเปลี่ยนทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ส่วนวันที่ต้องเรียนหนัก หรือสาวๆที่ทำงานอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาออกมาเปลี่ยนผ้าอนามัยก็อาจจะเลือกผ้าอนามัยสำหรับวันมามากหรือซึมซับได้ดีเยี่ยมเพื่อเป็นการเซฟอย่างมั่นใจไร้กังวล แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนบ่อยๆดีกว่า