เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่เห็นตามรายการอยู่บ่อยครั้ง สำหรับ ครูอ้วน มณีนุช  คอมเมนเตเตอร์และนักแสดงมากความสามารถ ที่อยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน นอกจากงานฉากหน้าแล้ว ยังเป็นครูสอนร้องเพลง ล่าสุดได้เผยเรื่องราวที่ไม่เคยบอกใครโดยเปิดใจผ่านรายการ ว่าตนผ่านอะไรมาเยอะ
ครูอ้วน : มันเป็นสีสันของชีวิตค่ะ จริงๆแล้วเนี่ยนะ ในวงการเราก็ต้องมีสีสันของชีวิตที่เราจะรู้ได้ว่า เพื่อนกัลยาณมิตรที่ดี คนที่จะให้สติสัมปชัญญะกับเรา คำพูดดีๆ แนวทางการใช้ชีวิตที่ดี จริงๆมันมีแค่นั้นเอง อาจารย์เชนเป็นหนึ่งในคนที่มีความเก่ง แล้วก็มีคำพูดที่ดี แล้วเราอยู่ใกล้ๆ เราก็จะเก่งขึ้น มีความสุข
เห็นว่าไม่นานมานี้เพิ่งกลับมาเจอกัน เป็นยังไงบ้าง?
ครูอ้วน : จริงๆแล้วอาจารย์เชนเป็นคนที่เรารู้กันอยู่แล้ว เราคุยกันอยู่เสมอๆ แล้วเราก็รู้ว่าเขาเป็นคนขี้อายมาก พอมาเจอกัน เราก็รู้สึกดีนะ
แล้วทำไม ไม่ใจอ่อน และพัฒนาความสัมพันธ์?
ครูอ้วน : เขาเป็นคนไม่พูด แต่ว่าเขาจะเป็นคนทำ ทำในที่นี้หมายถึงการกระทำ เคยได้ยินไหมที่โบราณเขาบอกว่า บางคนพูดมากแต่ไม่ลงมือกระทำ นั่นแหละแสดงว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ในความจริงของคนได้ เพราะฉะนั้นแล้วอาจารย์เชนจะเป็นคนที่พูดน้อยมาก สำหรับหลังจอนะ แต่สิ่งที่เขาเสมอต้นเสมอปลายเลยมากๆก็คือว่า การกระทำ เขาจะส่งคำที่ดีๆหรือว่าอะไรออกมาให้เราได้ฉลาดขึ้น และอ้วนคิดว่าการเป็นมิตรภาพกันมันน่าจะยั่งยืนกว่า และดีที่สุด
เคยมีกระแสว่าอาจารย์ไม่ใช่ผู้ชาย?
ครูอ้วน : อาจารย์เชนเป็นผู้ชายแท้ๆนะคะ แล้วก็เป็นคนที่ดีมาก และเก่งมากด้วย แล้วเขาก็เป็นคนขี้อายมาก เพราะฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่ดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยพูด คนก็เลยคิดไปต่างๆนานา หรือที่มีข่าวว่าอาจารย์เป็นเกย์หรือเปล่า จริงๆแล้วเป็นผู้ชาย 100% ค่ะ
เป็นคนดัง มีคนรู้จักทั้งประเทศ แต่ครั้งหนึ่งเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน?
ครูอ้วน : เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นมานานแล้วนะ ต้องบอกว่ามันเป็นความทรงจำที่ประทับใจ ลองคิดดูว่าครั้งหนึ่งคุณถูกไล่ออกจากโรงเรียน แล้วคุณจะไม่จำไปตลอดชีวิตเลยเหรอ ใช่ค่ะ สาเหตุมาจากที่ดิฉันไปประกวดร้องเพลง แล้วได้ที่1 เป็นรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมแห่งทวีปเอเซีย
แล้วโดนไล่ออกเพราะสาเหตุอะไร?
ครูอ้วน : จริงๆแล้วที่บอกว่าโดนไล่ออกอาจจะไม่ใช่ แต่แค่ยื่นซองขาว แล้วก็บอกเหตุผลว่า ทางโรงเรียนไม่มีนโยบายที่จะให้นักเรียนไปทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับด้านการบันเทิง ซึ่งตรงนี้เราต้องยอมรับอย่างนึงนะคะว่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เรามีความเข้าใจในฐานะที่เรามีความเป็นครู เราเข้าใจที่โรงเรียนจะต้องดูแลนักเรียนอยู่เป็นร้อยๆคน แล้วถ้าเกิดว่ามีนักเรียน 1 คนไปทำในลักษณะที่มันเป็นตัวอย่าง เพราะฉะนั้นอีกหลายๆร้อยคน อาจจะมีการเดินตามรอย แต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าในปัจจุบันนี้เนี่ย มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปแล้ว สังคมเปลี่ยนไป การศึกษาเปลี่ยนไป มุมมองทัศนคติทุกอย่างเปลี่ยนไป ตอนนี้เราก็เข้าใจแล้ว แต่สำหรับวันนั้นเราเข้าใจไม่ได้ มันเจ็บปวดมาก เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่เราคิดว่าเราทำผิด
เหตุการณ์ครั้งนั้นกระทบจิตใจครูขนาดไหน?
ครูอ้วน : ก็กระทบอยู่มากนะคะ โรงเรียนเนี่ยอยู่ในซอยบ้าน เวลาที่เราออกจากบ้านโรงเรียนจะอยู่ทางขวา เราก็จะหันหน้าไปทางซ้าย มองไม่ได้มันรู้สึกเจ็บปวด แล้วก็คุณครูประจำชั้น ก็มาพูดในลักษณะที่ประมาณว่า “ฉันมีสามีและฉันก็มีลูก แล้วฉันยังมีนักเรียนอีก 25 คนที่ยังอยู่ในชั้นเรียน แล้วฉันจะต้องมาดูแลเธอเป็นกรณีพิเศษ เพราะฉะนั้นเธอไม่คิดว่าจะทำให้ฉันเหนื่อยจนเกินไปหรือ” เขาก็ให้เหตุผลต่างๆเหล่านี้ แล้วเราก็เข้าใจนะ ทุกอย่างมันบีบเข้ามาให้เราพิจารณาตัวเอง
แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวเป็นยังไง?
ครูอ้วน : ก็ผ่านมาเรื่อยๆจนกระทั่งวันหนึ่ง โรงเรียนมีการจัดงานประจำปี ไม่ต่ำกว่าประมาณ 5-6 ปีผ่านไปนะ คือเวลามีรุ่นต่อๆมาเรื่องราวของเราก็จะถูกพูดถึง และไม่เคยถูกลืมเลือนไปจากโรงเรียนเลย ก็มีอาจารย์จากที่โรงเรียนค่ะ มาที่บ้านแล้วก็บอกว่า “มณีนุชอยากเชิญไปร้องเพลงในงานศิษย์เก่า เพื่อเป็นเกียรติให้กับที่โรงเรียนหน่อย” เราก็งงๆนะ รู้สึกไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เราก็ตอบตกลงไปนะ แล้วตอนที่เราไปภาพหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนี่ย มันทำให้เราน้ำตาไหล เพราะว่าอาจารย์ท่านที่เคยเป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านก็เป็นผู้ใหญ่มากแล้วสำหรับในงานนั้น ท่านก็เดินมาจากปรัมพิธี ซึ่งมาพร้อมกับดอกไม้ แล้วก็มายื่นดอกไม้ให้ เราก็ต้องโน้มตัวลงไปรับ แล้วอาจารย์ท่านนี้ก็พูดข้างๆหูเราบอกว่า “ขอโทษในเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้ครูเข้าใจ และรู้แล้วว่าครูผิด” ตอนนั้นเราร้องเพลงแค่จะไม่จบ พอลงจากเวทีทุกคนก็เงียบทั้งงานเลย เราก็เดินลงไปคุกเข่าแล้วก็ก้มกราบที่ตัก ต่างคนต่างก็ร้องไห้ มันเหมือนการทำลายกำแพงที่ค้างอยู่ทั้งหมดเลย
อยากให้ฝากอะไรถึงคนที่เจอเรื่องแย่ๆในชีวิตหน่อย?
ครูอ้วน : กำลังใจเป็นสิ่งที่เราจะต้องพูดกับตัวเองนะคะ เราอาจจะตั้งคำถามได้ว่า ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เพราะอะไร เราทำอะไรผิดเหรอ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คิดได้ค่ะ คิดแต่ว่าเราต้องหาเหตุผลให้ได้ ซึ่งเหตุผลนั้นมันอาจจะไม่ได้มาจากเหตุผลของตัวเรา เพราะเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเราเอง แต่เราจะต้องคิดฝ่ายเขาบ้าง ซึ่งอย่างตลอดมา ต้องยอมรับว่า เราก็มีความเจ็บปวด เรามีความเสียใจ เรามีความรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ แต่เหมือนกันเราต้องคิดด้านของอาจารย์บ้าง ถ้าอาจารย์จะต้องดูแลเด็กเยอะแยะมากมายเลย แล้วสังคมในตอนนั้นมันจะต้องเป็นแบบนั้น เราก็ต้องยอมรับสภาพในวันนั้นว่าเราเป็น “แกะดำ” เราแตกต่าง แต่พอเรามานึกในด้านของเรา มันเป็นความแตกต่างที่มันบวกหมดเลย ถ้าเราคิดในด้านของเราอย่างเดียว เราจะคิดว่าสังคมนี้ผิดหมดเลย เพราะฉะนั้นเราลองเปิดใจที่จะเข้าใจในฝ่ายตรงข้ามบ้าง มันจะทำให้ความรู้สึกของเราดีขึ้นค่ะ
ย้อนกลับไป ตอนเด็ก เคยเกือบจมน้ำทะเลตาย?
ครูอ้วน : เป็นเพียงแค่ว่า ชีวิตเนี่ยมันอยู่กับทะเล มันไม่มีพื้นดินเลย เพราะฉะนั้นเมื่อบ้านอยู่ในทะเล แล้วลองคิดดูถ้าเกิดว่ามันหลุดออกนอกประตูไป มันก็ไม่ได้ลงดินไง ชีวิตเราอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เราจะรู้ว่าถ้ามีเสียงแบบนี้น้ำมันกำลังจะขึ้น หรือน้ำมันกำลังจะลง ชีวิตมีความสุขมากๆ แล้วอย่างที่บอกการตกทะเลถือเป็นเรื่องปกติมาก พอตกปุ๊บแม่ก็พร้อมที่จะลงไปหยิบขึ้นมาทันที แล้วน้ำทะเลมันไม่จมนะ แต่ด้วยเวลาที่เราลงไปอยู่ในน้ำ เราจะไม่สามารถว่ายน้ำได้เหมือนคนที่ตัวโต หน้าเราก็จะคว่ำลงไป แล้วก็อาจจะนานหน่อย พอขึ้นมาหน้าก็จะเขียวๆเล็กน้อย แล้วก็สำลักน้ำอะไรประมาณนี้
เห็นว่ามีความในใจที่ยังไม่เคยพูดและอยากบอกคุณพ่อ คืออะไร?
ครูอ้วน : จริงๆเราก็อายุมากแล้วนะที่จะต้องมาพูดเกี่ยวกับการสูญเสียของคุณพ่อ ซึ่งมันก็นานมาแล้วด้วย แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างถ้าเกิดว่ามันลึกอยู่ในหัวใจของเรานานๆ แล้วถ้าเกิดว่ามันได้หลุดออกมามันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราสบายใจขึ้น จริงๆมันเป็นเรื่องเล็กๆเลยทีเดียว ก็คือเรื่องของการที่เรารอ ซึ่งการรอมันเป็นสิ่งที่มันไม่จบ มันเป็นความหวัง คือวันที่คุณพ่อเสีย เป็นวันที่เรามีนัดกัน แล้วคุณพ่อก็ทราบว่าเราจะต้องไปประกวดที่ฮ่องกง แล้วคุณพ่อก็บอกว่าเดี๋ยวมาเอากระเป๋านะ การที่เราจะได้กระเป๋าของพ่อไปกับเราในวันเดินทางของเราแล้วมันเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เขายอมที่จะให้กระเป๋าของเขากับเรา มันสำคัญมาก มันคือคุณค่าทางจิตใจ ประกอบกับเขาถามว่า จะไปวันไหน สิ่งเหล่านั้นมันทำให้เราคิดว่า เขาจะไปกับเราด้วย และมันก็ทำให้เรารอ รอที่พ่อจะตัดสินใจ แล้วก็ไปอยู่ในสถานที่นั้นด้วยกัน ซึ่งมันก็ไม่มีวันนั้น คุณพ่อได้เสียไปก่อนวันที่เราจะเดินทางค่ะ
เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ?
ครูอ้วน : เสียจากเรื่องเครื่องบินตกค่ะ ในสมัยก่อนประเทศไทยจะมีเครื่องบินอยู่ไม่กี่สาย หนึ่งในนั้นก็คือ บ.ด.ท. ซึ่งมันเป็นเครื่องบินลำเล็ก เขาเรียกว่า Afro แล้วก็ไปเจอในเรื่องของพายุภาคฤดูร้อน ในช่วงเดือนเมษายน ที่มันจะมีพายุหนักๆ ซึ่งมันจะเป็นอยู่อย่างนี้ทุกปี แล้วคุณพ่อก็เสียชีวิตก่อนที่เครื่องจะลงที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 8 นาทีค่ะ
วันนี้เป็นวันที่เราประสบความสำเร็จแล้ว อยากจะพูดอะไรกับคุณพ่อ?
ครูอ้วน : เราก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากค่ะ คุณพ่อมีความภูมิใจในตัวเรา อย่างน้อยคุณพ่อก็ได้ฟังเพลงของเรา ติดตามข่าวของเรา แล้วก็มีความสุขค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ายังมีชีวิตอยู่ บอกรักกันค่ะ อยากทำอะไรเราทำให้กัน ไม่ต้องเขินอาย ไม่ต้องคิดว่ารู้กันอยู่แล้วว่ารักแค่ไหน อย่าคิดอย่างนั้นค่ะ พูดเถอะ ทำเถอะ แล้วเราทั้งสองคนจะมีความสุขและเป็นความทรงจำที่ดีไปตลอดชีวิต โดยที่เราจะไม่รู้สึกว่าเราขาดอะไร หรือเราพลาดที่เราจะทำอะไรให้กันเลยค่ะ
TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online