เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับ แม่จิ๋ม-มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ซึ่งหลายคนก็จะมองว่า แม่จิ๋ม คือมาเฟียของวงการบันเทิง ถ้านักแสดงคนไหนเล่นไม่ดีสั่งปลดเลยทีเดียวโดยล่าสุด (3 มิถุนายน 2562) แม่จิ๋ม ก็ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีหนิง ปณิตา และ นุ้ย สุจิราเป็นพิธีกร เกี่ยวกับหลายเรื่องราวในชีวิต

– แต่ก็มีคนเมาท์ว่าแม่จิ๋มเป็นมาเฟียวงการบันเทิง ?

            แม่จิ๋ม : ไม่เลย แสดงว่าคนพูดไม่รู้จริง ถ้าคนพูดรู้จริงก็จะรู้ว่าแม่เป็นคนที่ใจดีที่สุดในบรรดาผู้จัดทั้งหมด คือคิดออกไหม คุณให้คิวเขาอาทิตย์ละ 3 วัน แต่คุณเอาคืนไปวันครึ่ง แล้วคนที่ต้องรอเข้าฉากกับคุณ บางทีตัวประกอบมาแล้ว ยกออกไป บางทีเราทำงานไม่ได้ตามกำหนดทุกอย่างมันบานไปหมด ทุกอย่างมันเพิ่มไปหมด คุณห่วงแต่จะรับอีเวนท์ เพราะว่าถ้าคุณไม่มีละครเสริมคุณก็ไม่ได้อีเวนท์ ไม่ใช่อีเวนท์มาเสริมละครนะ อีเวนท์จะมีก็ต่อเมื่อคุณมีละครเล่น

– บางกระแสบอกว่าถ้าบางคนมาเล่น แล้วเล่นไม่ดี แม่สั่งเปลี่ยนตัวกะทันหันเลย ?

            แม่จิ๋ม : ไม่เคยสั่งเปลี่ยนใครเลย แต่ว่าจะมีการประชุมกันภายใน สมมุติว่าคนนี้ที่เลือกมาเล่นไม่ได้จริง ๆ เอามาเทรนหม่แล้ว เข้าคลาสแล้วก็ยังไม่ได้ แล้วเขาเล่นออกไปเขาก็เสีย เราก็เสีย ถ้าเป็นลงมติทั้งในห้องส่ง ทั้งในออฟฟิศว่าเปลี่ยนเถอะ เราก็จะบอกว่าขอเปลี่ยน แต่ว่าต้องสุดวิสัยจริง ๆ แต่แทบไม่เคยนะ

– ในชีวิตการเป็นผู้จัด แม่เคยแบนใครเป็นเรื่องเป็นราวไหม ?

            แม่จิ๋ม : ไม่เคย เพราะว่าวงการบันเทิง วงการละคร มันต้องเวียน เดี๋ยวมันก็มาเจอกันจะโกรธอะไรกันหนักหนา

– เรื่องของอาแป๊ะ มันเป็นเรื่องที่ทำให้แม่หดหู่ไปพักใหญ่ ๆ ?

           แม่จิ๋ม : คือพ่อเป็นโรคไต รักษาอยู่ 6 ปี 7 ปีแล้วแหละ เข้า-ออก โรงพยาบาล เหมือนบ้านอีกหลัง จนกระทั้งสุดท้ายติดเชื้อ แล้วมันไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เราก็ต้องเป็นคนตัดสินใจที่ต้องให้หยุดทุกอย่าง ซึ่งมันทรมานความรู้สึกเรามาก คือวันสุดท้ายที่หมอ โทร. มาตามตอน 7 โมงเช้า บอกว่ามาเลยได้ไหม เราก็กลัว คือกลัวตั้งแต่รับโทรศัพท์แล้ว ก็รีบไปกันเลยกับพี่จ๋า พี่เจ็ท ไปถึงก็สายเต็มตัวไปหมด ไม่กล้าเปิดดู ไม่กล้าทำอะไร จนกระทั่งคุณหมอมาก็บอกว่าจะให้ยาต่อไหม ก็ถามว่าถ้าหมดยาแล้วไม่หายก็ต้องเจาะคอ ต้องให้ทุกอย่างที่เป็นสายยางลงไปแล้ว บอกว่าถ้าถึงขนาดก็ขอหยุด หยุดยาชุดนี้เลยนะครับ แต่แบบว่าเราต้องเป็นคนบอก นึกออกปะ ปล่อยเขาไปเถอะ พ่อเป็นคนรอบคอบมาก พ่อทำบันทึกการรักษาเอาไว้ว่าห้ามเจาะ ห้ามปั๊มหัวใจ ห้ามทุกอย่างที่ช่วยให้มานอนเป็นผัก เขาเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เราก็เอาให้หมอดู เราก็ไม่ต้องพูดคำนั้น มันก็เหมือนเป็นคนสั่ง มันใจร้ายอะ ตอนนั้น 7 โมงเช้าถึง 8 โมง ก็รอจนยาหมด ก็ไปตอนทุ่มนึง

– แม้ว่ามีการคุยกันแล้ว แต่มันก็ทำใจลำบาก ?

           แม่จิ๋ม : แม่ไม่รู้ว่าทำใจลำบากหรือเปล่า แต่แม่ช็อกไปปีนึงโดยที่แม่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนนั้นน้ำตาไม่มี ความรู้สึกก็ไม่มี มันเหมือนน็อกตัวเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น รู้ว่านั่งรถพยาบาลมาด้วยกัน พ่อเป็นอิสลาม เพราะฉะนั้นพ่อจะต้องฝังภายใน 24 ชม. พ่อจัดทุกอย่างแม้แต่ที่ที่จะนอน สั่งเลขา สั่งทุกคน สั่งน้องเจ็ทว่าถ้าพ่อเป็นอะไรไปให้จัดอย่างนี้ วางอย่างนี้นะ ทุกจุด แล้วทุกคนที่บ้านก็คือทำรอเลย แล้วมานอน แล้วแม่ก็ไม่รู้อะไร ใครมาที่งาน ใครมารดน้ำพ่อ ใครมาฝั่งพ่อ แม่ไม่รู้เรื่องเลย จนวันนี้ต้องถามเลขาตลอดว่าวันนั้นมันเป็นยังไง

– เหมือนชีวิตมันขาดที่พึ่ง แล้วเสียศูนย์ไปเลยไหม ?

           แม่จิ๋ม : มันขาดคู่ชีวิตที่เคยช่วยกันดูแลกัน พออยู่คนเดียวแล้วพ่อตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดว่าทำอะไรอะ กินไรดี ถ้าพ่ออยู่เราก็ถามเขา ทุกวันมันเป็นแบบนี้มา 30-40 ปีแล้วก็ไม่เคยแยกกันเลย ก็เลยแบบชีวิตนี้จะอยู่ทำไม

– แม่คิดอย่างนั้นเลย อยากจะตามพ่อไป ?

           แม่จิ๋ม : เคยคิด ๆ อยากไป เคยว่าไปพร้อมกันก็ดี ไม่ต้องคอยกัน คือเวลานี้เขาอาจจะไปคอยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เป็นเยอะ แต่ว่าไม่บอกใคร

– จนวันนี้ความรู้สึกแม่ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม ?

           แม่จิ๋ม : ยังเป็นแบบนั้น แต่ว่าดีขึ้น เพราะว่าสงสารลูก ลูกเห็นแม่เป็นทุกข์ เห็นแม่ร้องไห้ แต่แม่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น เพราะว่าทุกข์ของเราก็คือทุกข์ของเรา คือพ่อไม่ได้เป็นเศรษฐีร่ำรวยอะไรนะ แต่พ่อเป็นคนดีมาก  แม่ไม่เคยคิดถึงชาติหน้าเลย แม่คิดว่าถ้าได้ขึ้นไปบนนั้นคงได้เจอเขา

– ถ้าตอนนี้พ่อรอแม่อยู่ จะบอกอะไรกับพ่อ ?

           แม่จิ๋ม : จะบอกว่าเดี๋ยวไปหา ความรักบางทีมันเกิดง่ายจนคนบางคนไม่เห็นค่า แต่ความรักมันมีความหมายมากสำหรับคนที่เขาเอาความรักจริง ๆ มาให้คุณ

– 3 ปีที่พ่อจากไป แม่สวดมนต์ให้พ่อทุกวัน ?

           แม่จิ๋ม : 1 ปีเต็ม ๆ ที่ไม่เคยขาดเลยสักวัน พอปีที่แล้วก็ลดลงบ้าง เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราเข้าไปแล้วเป็นแบบนี้อยู่เราจะไม่ดีขึ้น แม่ก็เลยห่างออกไป แม่ก็สวดอยู่ที่หมอนไม่ได้เข้าห้องพระ ก็พยายามบอกตัวเองว่าอย่าจมอยู่ตรงนั้นเยอะมันจะแย่ด้วย