เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับ ดาราสาว ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ และสามีนักธุรกิจหนุ่ม ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จนถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อตกลงสิทธิ์ในการดูแลลูกสาวตัวน้อยอย่าง น้องพิพิม วัย 3 ขวบ จนในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถพูดคุยและแบ่งกันดูแลลูกได้ลงตัวแล้ว

ล่าสุด ต่าย ชุติมา ก็ได้ออกมาเปิดใจทุกเรื่องโดยตอบทุกคำถามที่สังคมสงสัย ติดยา -ติดปาร์ตี้- มีคนใหม่ ความขัดแย้งสาเหตุที่ทำให้เลิกรากับสามี โดย สาวต่าย เผยว่า…

“ที่ผ่านมาไม่พูดเพราะเป็นห่วงลูก แต่กลับทำให้เราตกเป็นจำเลยสังคม มีคนเตือนว่าถ้าไม่อยากให้ลูกโตขึ้นเห็นข่าวแล้วคิดว่าทำไมเรามีแม่แบบนี้ ก็ควรออกมาพูด จึงคิดว่าถึงเวลาแล้ว”

“จุดใหญ่มาจากการถูกทำร้ายร่างกาย และไม่ใช่ครั้งแรก มันอาจจะเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นถี่ๆ ความอดทนก็หมดได้ “เรื่องติดปาร์ตี้ อยู่กันมา 11 ปี ที่ไปงานแล้วกลับดึกมีไม่ถึง 10 ครั้ง ไปก็มีดื่มบ้างแก้วสองแก้ว ไม่ได้เมา ส่วนใหญ่ไปวันเกิด งานแต่งเพื่อน เคยถามเขาเหมือนกันว่าแบบนี้เรียกว่าติดปาร์ตี้เหรอ เขาบอกว่าใช่ เรื่องติดยาไม่จริง 100% ใจจริงอยากตรวจให้ชัดเจนไปเลยว่าเราไม่ได้ทำ เรื่องคบทอม ทอมในข่าวเป็นเพื่อนที่คบกันมานานกว่า 10 ปี ตอนนี้เวลาจะไปไหนกับเพื่อนเพศที่สามหรือผู้ชายจะหลอนมาก ถ้าเขาจะเอามือมาจับตัวเราจะร้องว่า “อย่าจับ ๆ”

ส่วนหมายศาลไม่ถึงมือ สาวต่าย เผยว่า “งงที่เขาบอกว่าเราอยู่บ้านเพื่อนบ้าง บ้านคนสนิทบ้าง บ้านพี่ชายบ้าง ทั้งที่ความจริงตั้งแต่ออกจากบ้านเขามาเราอยู่คอนโดตลอด และที่จริงก็เจอกันทุก 5 วัน แชทคุยกันตลอด เขาน่าจะบอกเราสักคำ”

ประเด็นที่โพสต์ไอจีว่าลูกหาย ต่าย ชุติมา เผยว่า “เพราะนัดส่งลูกที่เซ็นทรัลเวิลด์ตอน 1 ทุ่ม แต่ติดต่อเขาไม่ได้ โทรศัพท์สองเครื่องปิดหมด โทรหาแม่บ้านและทนายก็ปิดเครื่อง โทรหาคนขับรถครั้งแรกบอกว่าถึงแล้ว แต่พอโทรครั้งที่สองก็ปิดเครื่องไปอีกคน ตอนนั้นเป็นห่วงทั้งคู่ว่าจะเป็นอะไรมั้ย เลยโพสต์ถามในโซเชียลแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนห้างปิดก็ไปแจ้งความ จากนั้นเขาโพสต์รูปลูกในไอจีว่าปลอดภัยดี แต่เราไม่ได้รับการติดต่อจากเขาเลย”

“ส่วนที่เขาบอกว่าให้เราดูแลเงิน เขาขอใช้แค่เดือนละ 20,000 นั้น ตนไม่ทราบเลยว่าเขามีกี่บัญชี มีเงินเท่าไหร่ รถ ที่ดิน ไม่เคยรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน มีคนถามว่าสามีภรรยาต้องรู้ทุกเรื่อง เรายอมได้ไงที่ไม่รู้อะไรเลย แต่เราคิดว่าไม่แปลก เราไม่ละลาบละล้วงและเราไม่สนใจเรื่องเงิน ตอนเขาออกจากงาน เขากลัวมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เราก็ช่วยรับผิดชอบส่วนหนึ่งเพื่อให้ครอบครัวเดินต่อได้ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ครอบครัวต้องช่วยกันประคับประคอง”

“อยากฝากถึงเขาว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่น่ากลัว ให้เผชิญหน้ากับความจริง ทุกคนพร้อมจะซัพพอร์ต” “ถามว่ายังรักเขาไหม ก็ยังรักและหวังดีต่อเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์และพ่อของลูก อยากให้เขามีหน้าที่การงานที่ดี ประสบความสำเร็จในชีวิต และมีความสุขที่แท้จริงซะที ต่ายคิดว่าคนที่มีความสุขไม่ทำแบบนี้”