ที่ศาลเเขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 ยื่นฟ้อง นายกนกฉัตร มรรยาทอ่อน หรือไต้ฝุ่น เคพีเอ็น อายุ 28 ปี อาชีพนักเเสดง 1 ในกลุ่มดาราเน็ตไอดอล ที่รับรีวิวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในเครือเมจิกสกิน ด้วยวาจา ต่อศาลในความผิดฐาน โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร อันเป็นความผิด พ.ร.บ.อาหารฯ ปี 2522 ม.40 มาตรา 70 ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่องหลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร พ.ศ.2561ฯกรณีเมื่อช่วงเดือนส.ค. จำเลยบังอาจโฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารชื่อ Slim Milk ผ่านช่องทางออนไลน์โปรแกรม Instagram ด้วยข้อความว่า
“สวัสดีครับผมไต้ฝุ่น เคพีเอ็นวันนี้ผมมีผลิตภัณฑ์มาแนะนำให้ทุกคนนะครับ SLIM MILK ส่วนผสมนี้ทำให้เราผอมได้ผอมได้จริงๆ นะครับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ปลอดภัย 100% เพราะฉะนั้นเรื่องโยโย่เอฟเฟคไม่มีแน่นอน เพราะเราไม่ได้ทำมาจากสารเคมีนะครับสามารถลดไขมันสะสมพุง ได้ใครที่หาตัวช่วยลดน้ำหนักลดความอ้วนนะครับผมแนะนำเลย SLIM MILK”
ซึ่งข้อความที่จำเลยกล่าวเป็นการโฆษณาว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ไม่โยโย่ เป็นการต้องห้ามไม่ให้โฆษณา ตามประกาศสำนักคณะกรรมการอาหารและยา เรื่องหลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร พ.ศ.2561 ข้อ4(6)ประกอบบัญชีหมายเลข 1 แนบท้ายประกาศข้อ 2.5 อันเป็นการโฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อ โดยไม่สมควรอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงสีลมเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
โดยในวันนี้ นายกนกฉัตร หรือไต้ฝุ่น มีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ทันเวลาที่นัดไว้กับศาล
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 40, 70 จำคุก 1 ปี และปรับ 30,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ส่วนหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกหกเดือนและปรับ 15,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสกับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
จากนั้น เวลา 17.00 น. นายกนกฉัตร เปิดเผยว่า ตนรู้สึกผิด ถ้าในอนาคตมีการติดต่องานมาก็ต้องตรวจสอบให้เข้มงวดกว่าเดิม แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกผิดอยู่ ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น มีสติมากขึ้น ส่วนผลกระทบตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องความรู้สึก ตนรู้พร้อมทุกคนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย จึงได้บอกกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ว่า ยินดีจะให้ความร่วมมือ เพราะเกิดจากการกระทำของเรา และยินดีจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
