เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ รพ.ศิริราช จากกรณี “น.ส.บุตรศรัณย์ ทองชิว” หรือ “น้ำตาล เดอะสตาร์ 5″ เกิดอาการป่วยหนักอย่างกะทันหัน โดยมีเลือดไหลออกทางปาก จมูก และหายใจไม่สะดวก จนต้องทำการปั๊มหัวใจที่บ้าน ก่อนที่ญาติจะเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร และส่งตัวต่อมารักษาที่ รพ.ศิริราช วานนี้

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ประธานชี้แจงอาการของน้ำตาล-บุตรศรัณย์ ทองชิว โดยมี รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ และคุณแม่สุขใจ ถิรเมธีกุล ร่วมด้วย ณ ห้องสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G รพ.ศิริราช

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เปิดเผยว่า ตามที่ รพ.ศิริราชได้รับการส่งตัว นางสาว น้ำตาล-บุตรศรัณย์ ทองชิว จาก รพ.สมุทรสาครเข้ามารับการรักษาต่อ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 เวลา 08.15 น. ณ หอผู้ป่วย ICU ตั้งตรงจิตร 1 ตึกสยามินทร์ ชั้น 6 ด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดในปริมาณมาก โดยเลือดที่ออกมาทำให้เกิดการอุดตันทางเดินหายใจ

ส่งผลให้มีอาการหายใจลำบาก และทำให้หัวใจหยุดเต้น และได้ทำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ (CPR) จำนวน 2 ครั้ง ที่บ้านและ รพ.สมุทรสาคร หลังจากนั้นได้มีการประสานงานจากทีมแพทย์ มายังคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดย รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ ได้เดินทางไปยังรพ.สมุทรสาคร และทำการผ่าตัดใส่เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO) ณ รพ.สมุทรสาคร เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ ก่อนที่จะย้ายผู้ป่วยมารักษาต่อ ณ รพ.ศิริราช

เมื่อมาถึงหอผู้ป่วย ICU ตั้งตรงจิตร 1 ทีมแพทย์ได้ทำการตรวจ พร้อมวางแผนการรักษาผู้ป่วย เริ่มจากการปรับเปลี่ยนกระตุ้นหัวใจ และยาเพิ่มความดัน พร้อมให้ยาแก้ไขสภาวะความเป็นกรดด่างของเลือด รวมทั้งมีการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อการเฝ้าระวังสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง จนสัญญาณชีพของผู้ป่วยคงที่ เลือดไม่ออกในท่อหายใจ สามารถที่จะนำผู้ป่วยไปตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมได้ในช่วงเช้า

โดยเมื่อเช้าวันนี้ (13 มิ.ย.62) ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่ และไม่มีเลือดออกทางท่อหายใจแล้ว แพทย์จึงได้พิจารณานำผู้ป่วยส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) สมอง และปอด เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการ เลือดออกที่ปอด และวินิจฉัยประเมินความเสียหายของสมอง

ผลการตรวจพบว่า 
1.ไม่พบตำแหน่งเลือดออกที่ปอดทั้งสองข้าง ปอดไม่เห็นรอยโรคที่ทำให้เห็นเลือดออก 
2.สมองบวมมาก แต่ไม่มีเลือดออกในสมองให้เห็น

โดยทีมแพทย์มีแผนการรักษาต่อไป มีดังนี้
1.เนื่องจากยังไม่พบตำแหน่งที่เลือดออก จึงต้องเฝ้าระวัง และหาสาเหตุต่อไป เพราะอาจจะมีภาวะเลือดออกได้อีก
2.แก้ไขภาวะผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย และให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวม
3.ขณะนี้ยังคงให้การรักษาแบบประคับประคองร่วมกับการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO)

แต่เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสาเหตุเลือดออกเกิดจากอะไร แต่เนื่องจากปัจจุบันสมองบอม เพราะขาดออกซิเจน ซึ่งในระยะหนึ่งจะค่อยๆ ลดลง การประเมินการทำงานสมองต้องรอประเมินหลังจากสมองบวมลดลง

“โรคนี้เป็นโรคที่เจอได้น้อยมาก ตอนนี้รู้ว่าเส้นเลือดแตก แต่ไม่รู้แตกตรงไหน อย่างไร แต่รู้แน่ๆ ว่า เมื่อแตกแล้วไหลเข้าไปในระบบหายใจ หลอดลม จนทำให้อุดกั้นการแลกเปลี่ยนออกซิเจ ขณะนี้ต้องรักษาประคับประคอง เพื่อให้คนไข้ผ่านพ้นระยะวิกฤติ จึงไปสู่ขั้นตอนต่อไป หาสาเหตุจุดเลือดออก หรือ อุดตัน โดยขณะนี้ถือว่าอาการคงที่ เลือดหยุดออก ได้รับการใส่เครื่องช่วยเหลือเพื่อประคับประคองอาการ เฝ้าระวังอาการอยู่” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ระยะหลังจากสมองบวมจะเกิดความเสียหายเพียงไหน   ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว  ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะบอกอะไร ต้องรอและยังไม่สามารถตอบสิ่งที่แน่ชัดได้ โดยลักษณะโรคไม่เหมือนไข้เลือดออกเหมือนที่มีการสันนิษฐาน เพราะเกร็ดเลือดไม่ต่ำ ไม่มีเลือดออกที่ผิวหนัง

เมื่อถามว่า ภาวะเส้นเลือดเปราะบางเกิดขึ้นได้หรือไม่  ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เส้นเลือดเปาะบาง มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่ใครจะเกิดที่อวัยวะแบบไหน ตำแหน่งไหนไม่มีใครสามารถบอกได้ แต่ถ้าเกิดที่ผิวหนังก็กดเลือดไว้ได้ หากเกิดที่ตับ อวัยวะมีความแข็งก็จะสามารถกดเส้นเลือดไว้ได้ หรือ อย่างปานตามร่างกายก็เกิดจากเส้นเลือดที่ผิดปกติบริเวณผิวหนังเช่นกัน ทำให้วันนี้ยังไม่สามารถบอกอุบัติการณ์ได้ว่า คนที่เกิดขึ้นแบบนี้มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน โดยไม่อยากให้แตกตื่นในเรื่องนี้

เมื่อถามถึง อาการเลือดกำเดาออกบ่่อยของ น้ำตาล มีส่วนหรือไม่  ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่เกิดขึ้นไม่สัมพันธ์กัน ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากอะไร การที่เส้นเลือดเปาะบางโรคก็เกิดจากการอักเสบของเส้นเลือดก็ได้

โดย รศ.นพ.ปรัญญา​ สากิยลักษณ์​ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก​ เปิดเผยว่า จากการใส่เครื่อง ECMO เท่าที่ประเมินตอนนี้ ปัญหาอยู่ที่ปอด เพราะเลือดไปอุดหลอดลมสองข้าง ทำให้ออกซิเจนไหลเวียนไม่ได้ ต้องใช้เครื่องปอดเทียม ส่วนหัวใจขณะนี้อยู่ได้ด้วยยากระตุ้น

แรกเริ่ม ภายในร่างกายเลือดมีภาวะเป็นกรดสูง มีแก๊สของเสียในร่างกายจำนวนมาก จำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยเพื่อฟอกเลือดภายนอกร่างกาย จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยได้รับความช่วยเหลือ จาก รพ.กรุงเทพ เมื่อมาถึง รพ.ศิริราช จึงได้ปรับยา แก้ไขความดันที่ขึ้นลงตลอดเวลา จนเช้าที่ผ่านมา ทุกอย่างเริ่มนิ่่ง จึงตรวจสาเหตุการเลือดออกแต่ยังไม่พบ

เมื่อถามว่า เคยพบลักษณะอาการป่วยแบบนี้หรือไม่ รศ.นพ.ปรัญญา​  กล่าวว่า แบบนี้ไม่เคยเจอ แต่เจอ ไอเป็นเลือดมากๆ อาเจียนเป็นเลือดมากๆ แต่ลักษณะเลือดออกมาจากจนต้องใส่ ECMO ไม่เคยเจอ ต้องรอปอดฟื้นตัวจากการสำลักเลือด และรอให้สมองหยุดบวม

“เชื่อว่าจุดที่เกิดเป็นจุดที่ไม่ได้พบบ่อย ทำให้ยังไม่สามารถหาได้เจอ ตอนนี้ เลือดหยุดเองแล้ว ซึ่งสิ่งที่ครอบครัวทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คือ รีบตามโรงพยาบาลมาช่วย ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครก็ควรทำเช่นเดียวกัน”รศ.นพ.ปรัญญา​  กล่าว