เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เพื่อนสนิทของปุ๊กกี้ ที่ยังมีงานแสดงคอนเสิร์ตด้วยกัน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ปกติเรามีไลน์กลุ่ม มี นุ๊ก พี่ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง พี่ต๊ะ วินรวีร์ ใหญ่เสมอ และปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง และมีทีมแดนซ์เซอร์ ทีมนักดนตรี ผู้จัดการทีมคือพี่โจ้ (เฉลิมศักดิ์) ทำคอนเสิร์ตด้วยกัน เรารับคอนเสิร์ตด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว คิวงานได้รับการจองไปถึงปลายปีแล้ว ซึ่งเมื่อคืนเราแชทเล่นกันกับพี่ทัช เขาเพิ่งออกจากการซ้อมละครเวที และเพื่อนส่งข้อความที่เป็นข่าวในโซเชียล เป็นข่าวที่ยังไม่ถูกลงรายละเอียดว่าอะไรยังไง เราก็โยนลงไปในห้องแชท ถามว่าปุ๊กกี้ยังไง ฟ้องมั้ย ตนยังคิดว่าเป็นข่าวมั่ว ไม่เชื่อ


“ทีนี้ปุ๊กกี้ไม่ตอบ ก็คิดว่าไม่ปกติ เลยให้ผู้จัดการโทรเข้าไป ทีนี้โทรยังไงก็ไม่รับ เราก็ต้องห่วงเรื่องงานที่เรารับไว้ก่อน อันดับแรกว่าเราจะแก้ไขยังไง ก็บอกกับพี่โจ้ว่าต้องเคลียร์งานก่อนนะ เพราะว่าน้องไม่รับสายแล้ว ทีนี้หลังจากพอรู้ว่าเป็นเรื่องจริง ก็ยังคิดอยู่ คือตำรวจยังไม่ได้แถลงข่าว ส่วนหนึ่งยังคิดว่า อาจจะเป็นกรณีที่อยู่บ้านนี้ แล้วมียาอยู่ในบ้านโดยที่ไม่รู้หรือเปล่า เพราะยังไม่ได้แถลงข่าวว่าเป็นผู้ครอบครอง หรือผู้เสพผู้ขายอะไร เราก็ไม่อยากยืนยัน หรือฟันธง”


นุ๊ก สุทธิดา กล่าวอีกว่า ในส่วนการทำงานด้วยกันคือ เขาก็ยังดูสดใส อ้วนถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีวี่แววตรงนั้น และอย่างล่าสุดเราไปเล่นคอนเสิร์ตกับเขา เขายังคุยถึงเรื่องครอบครัว เรื่องลูก คือชีวิตดูดี ดูเข้ารูปเข้ารอยแล้ว เขาเริ่มจะสนิทกับลูกทางฝั่งน้อง 2 คนแรก มีโอกาสได้คุยกับลูกเยอะขึ้น เรายังรู้สึกชีวิตเขาดีขึ้น เรายังยินดีกับเขา เราว่าเราสองคนผ่านเรื่องร้ายๆ ตอนเด็กๆ กันมาก็เยอะ เราอายุกันขนาดนี้แล้ว เราสมควรได้รับเรื่องราวดีๆ มีชีวิตดีๆ เท่าที่มองสามีเขาก็ดูแลเขาดี เราก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะเวลาที่เขาพูดถึงลูก เขามีคำพูดหนึ่ง เราเลยรู้สึกว่ายังไงก็ไม่น่าใช่ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด เพราะเขาพูดถึงลูกคนโตว่า น้องตั้งใจเรียน ขยัน พอลูกคนที่สองเขาก็เป็นห่วง กลัวจะไปยุ่งกับสิ่งไม่ดี เขาพูดแบบนี้เราก็คิดว่าแม่ทุกคนห่วงลูกแบบนี้ พอเกิดเหตุแบบนี้เรายิ่งไม่เชื่อ ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ณ นาทีนี้ก็ยังคิดว่า จะรอดูว่าอาจจะมีอะไรที่เราไม่รู้”


ตอนร่วมงานกันเป็นยังไงบ้าง มีทีท่ายังไง
“ไม่มีเลยนะ เรายังมานั่งทบทวนเลย เรื่องเก่าๆ เรื่องการใช้เงิน เขาก็ไม่ได้ใช่แบบฟุ่มเฟือย ไม่ได้มีแบบมาอวดหรูอวดรวย ดูปกติ ทำตัวปกติ ทุกวันนี้เราก็ไม่อยากคิด ว่าเราเข้าข้างเพื่อน ถ้าผิดก็คือต้องผิด เราก็มีลูก เราไม่ได้อยากให้ลูกเราอยู่ในสังคมที่มันเลวทราม แค่รู้สึกว่า เฮ้ย ชีวิตคนเราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว แล้วชีวิตเขามันดีแล้ว เช้าตื่นมา ก็รู้สึกว่ามันเป็นเช้าที่สดใสของเรามากเลย ก็หวนคิดกลับไปว่าปุ๊กกี้ นางจะทำอะไรอยู่ นางจะโดนอะไรบ้าง จะโดนหนักแค่ไหน เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีในชีวิตแล้ว เพราะว่าเขาเจอมาก็หนักแล้ว”


ตอนที่ถูกเข้าจับ ก็พบอุปกรณ์ผลิตด้วย
“ถ้าถึงขั้นนั้นเอาจริงๆ เราก็รับไม่ได้นะ ในมุมของเรา เป็นแม่คน นุ๊กก็ไม่ชอบยาเสพติด เรากลัวลูกเรา เพราะว่านุ๊กพูดกับลูกเสมอว่าเรื่องอะไรก็ได้นะ แต่เรื่องนี้แม่ไม่โอเค ลูกก็จะบอกว่ารู้อยู่แล้ว ชีวิตเราเห็นมาเยอะกับเรื่องพวกนี้ หลายๆคนใกล้ตัวเรา ชีวิตน่าจะดีกว่านี้”


ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง เพื่อนเรามาเป็นแบบนี้
“ลุ้นขอให้มันไม่จริง แต่ถ้าจริง ก็รับไม่ได้ มีคนถามว่าจะไปเยี่ยมไหม นุ๊กก็บอกว่ารอก่อน ถ้ามันไม่จริงนุ๊กก็อยากจะอยู่ข้างเขา ถ้าจริงเราก็รับไม่ได้ เราต้องคิดถึงลูกเรา คิดถึงสังคมที่ต้องอยู่ต่อไป สุดท้ายแล้วเรื่องพวกนี้เป็นอุทาหรณ์ กลับไปเราก็ต้องคุยกับลูกว่าชีวิตคนเรา ถ้ายุ่งกับเรื่องพวกนี้ไม่มีทางกลับมาได้ คุณจะผิดพลาดเรื่องครอบครัวเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถามว่าตัดเพื่อนเลยไหม ไม่ได้ตัดเพื่อน แต่ให้เราโอเค ลูกเราจะมองเราอย่างไร”


เคสนี้ เหมือนจะมีการซัดทอดเพื่อนดาราด้วย
“เรื่องนี้เราไม่กลัว ห่วงตัวเขามากกว่า นุ๊กไม่อยากพูดว่าตัดเพื่อน แต่นุ๊กก็ไม่อยากให้ลูกเรามาเผชิญกับเรื่องแบบนี้ เราไม่กลัวโดนซัดทอด เพราะว่าตอนที่เขาโดนยังได้แชทคุยเล่นกับเขาอยู่ ถ้าตำรวจได้ยึดโทรศัพท์ของเขา และเห็นข้อความจะรู้ว่าพวกเราไม่รู้เรื่อง ยังแซวกันเรื่องหน้าเก่า”