เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

9 สิ่งที่เฟรชชี่มหาลัยไม่ควรพลาด สำหรับเฟรชชี่น้องใหม่ในหลายสถาบันคงตื่นเต้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ สู่อิสระที่มากขึ้น สู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้น ในมหาวิทยาลัยช่างกว้างใหญ่จนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี  ขอแนะนำโดยสังเขปในฐานะคนเก่าแก่ เอ้ย! รุ่นพี่ที่เคยผ่านร้อนหนาวมาก่อนว่า สิ่งใดบ้างที่เฟรชชี่ไม่ควรพลาด เพื่อที่จะได้ไม่มานั่งเสียดายในภายหลัง

1. การแสวงหาความรู้ จุดมุ่งหมายหลักของการสอบเข้ามหา’ลัยก็คือการศึกษาความรู้ที่เพิ่มเติมมากขึ้น ในสังคมมหา’ลัย เป็นสังคมที่ค่อนข้างจะต่างจากสังคมโรงเรียนอย่างเห็นได้ชัดตรงที่ความเป็นอิสระในการแสวงหา และแสดงออก อย่ามัวแต่หลงระเริงกับแสงสีในถิ่นใหม่จนลืมว่าเราเข้ามาเพื่ออะไรกันแน่ ยิ่งกอบโกย สร้างอุปนิสัยช่างคิด ช่างสังเกตเสียตั้งแต่ปี 1 ยิ่งได้กำไรกว่าใครเพื่อน อย่างน้อยถ้าเกรดดี เกรดสวยงาม มันก็โดดเด่นพอให้หลายบริษัทสนใจเมื่อต้องสัมภาษณ์งาน

2. เพื่อนใหม่ สังคมเพื่อนในมหาลัย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต่างจากสังคมเพื่อนในโรงเรียน เพราะในมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมผู้คนที่หลากหลายโรงเรียน หลากหลายไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน และขอขีดไฮไลท์ตัวหนา ๆ เลยว่าการเป็นเด็กปี 1 นี่แหละง่ายต่อการเข้าหาทำความรู้จักเพื่อนใหม่หลายคนยิ่งนัก เพราะการเป็นเด็กใหม่ก็เท่ากับว่าต้องเริ่มต้นหลายอย่างใหม่ เพื่อนรุ่นเดียวกันก็อยากทำความรู้จักกัน พี่รหัสก็อยากเอาอกเอาใจพาไปเลี้ยงนั่นนี่ ซึ่งการมีเพื่อนเยอะ ๆ ทำความรู้จักคนให้มากเสียในตอนนี้ ก็เท่ากับว่าเราสร้าง connection ให้กับตนเองไว้ได้กว้างขวาง เผื่อในอนาคตข้างหน้ามีอะไรจะได้ขอความช่วยเหลือกันได้โดยสะดวกขึ้น

#ตีแผ่ชีวิตเด็กหอ เมื่อการเป็นเด็กหอ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

3. ประสบการณ์การเป็นเด็กหอใน หลายมหาวิทยาลัยมักจะบังคับให้เด็กปี 1 ต้องพักอาศัยแต่เพียงหอพักในมหาวิทยาลัยเท่านั้น นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้หลายอย่างท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ขีดจำกัด เช่น ความไม่สะดวกสบายของสิ่งแวดล้อมภายในหอพัก, การจำกัดเวลาเข้าออกหอพัก แต่มันก็เป็นเพียงความอึดอัดเพียงชั่วคราวเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการมองหาสิ่งดี ๆ จากการเป็นเด็กหอในเพื่อเป็นพื้นฐานสู่โลกที่กว้างขึ้น เช่น การผูกมิตรกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในหอเดียวกัน, การอดทนต่อการอยู่ร่วมกันกับคนอื่น, การอดทนต่อความผุพังทรุดโทรมของหอ ฯลฯ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ขำ ๆ ถ้าย้อนกลับไปมองเมื่อไหร่ก็มีแต่ความทรงจำดี ๆ เสมอ

4. แหล่งท่องเที่ยวทั้งกลางวันกลางคืน การมาอยู่ในต่างถิ่น ไกลหูตาพ่อแม่ย่อมเป็นที่ดีใจสำหรับเฟรชชี่หลายคนมาก เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้ออกไปไหน ตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครห้ามหรือคอยตาม ขอให้เที่ยวเพื่อผ่อนคลาย เพื่อเรียนรู้ว่าสังคมจริงเป็นอย่างไรเพื่อการปรับตัวในอีกแบบ อย่าหลงจนลืมไปว่าการเรียนและความไว้ใจจากคนทางบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาเสมอ

5. กิจกรรมต่าง ๆ และการจัดสัมมนาอบรม มหาลัยมักเปิดโอกาสให้บุคคลภายในและภายนอกเข้ามายืมพื้นที่สำหรับการจัดงานต่าง ๆ เสมอ ควรใช้สิทธิของการเป็นนักศึกษาเข้าไปตระเวนให้ทั่วเพื่อสะสมความรู้และความน่าสนใจอยู่เสมอ ยิ่งเป็นกิจกรรมที่สะสมเกียติบัตรหรือเพิ่มพูนทักษะอาชีพ ยิ่งสมควรอย่างยิ่งที่จะกระโจนเข้าหา เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยให้ resume น่าสนใจ โดดเด่นไม่แพ้กับเกรดเมื่อสมัครงาน

6. การหยิบยืมหนังสือในห้องสมุดคณะหรือหอสมุดมหาลัย สังคมอุดมศึกษาเป็นสังคมที่ใกล้ชิดกับแวดวงหนังสือมากที่สุดสังคมหนึ่ง นอกเหนือจากหนังสือประกอบการเรียนควรเปิดโลกทัศน์ของตนเองด้วยการอ่านหนังสือแนวอื่นบ้าง ตามแต่จะสนใจ เพราะหนังสือบางเล่มก็ไม่ได้จัดพิมพ์อีกแล้ว อีกทั้งเมื่อจบ ป.ตรี ไป คนส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับการอ่านอีกเลย แม้จะมีงานหนังสือเป็นครั้งคราวตามจังหวัดต่าง ๆ ก็ยังไม่ใกล้ชิดเท่าตอนเรียน   ทักษะการอ่านสำคัญต่อชีวิตคนเราเสมอ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งเป็นคนรอบรู้ แตกฉาน ใจเย็น ละเอียดรอบคอบ ยิ่งฝึกฝนตนเองเร็วเท่าใด ยิ่งเติบโตไปเป็นคนมีคุณภาพมากเท่านั้น ซึ่งคุณสมบัตินี้มันอาจบ่มเพาะให้เราเป็นคนทำงานมีประสิทธิภาพเมื่อเข้าสู่สังคมการทำงาน

7. การใช้สิทธิในการดูแลรักษาสุขภาพ หลายมหาลัยมักจะมีโรงยิมที่เปิดให้บริการในราคาที่ถูก อุปกรณ์ครบครัน ได้มาตรฐาน ไม่ต้องเสียเงินเข้ายิมราคาแพงก็สุขภาพดีได้เหมือนกัน   และในขณะเดียวกัน บางมหาลัย ที่เป็นสถาบันที่มีการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น คณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์ นิสิตนักศึกษาสามารถขอรับบริการได้ในราคานักศึกษา ซึ่งถูกกว่าราคาของคนธรรมดาทั่วไป จะดูแลสุขภาพฟัน หรือสุขภาพกาย ลองใช้โอกาสนี้เสียแต่เนิ่น ๆ สิ ทั้งถูกและดี มีคุณภาพ ควบคุมมาตรฐานโดยอาจารย์แพทย์อีกด้วย

8. การหารายได้พิเศษ อย่างน้อยก็เป็นการแบ่งเบาภาระทางบ้านและภาระจากการกู้ยืมเพื่อการศึกษา จะได้มีเงินไว้หมุนกับสิ่งต่าง ๆ ได้คล่องตัว มีเงินเก็บสำหรับในอนาคต (หลังจากจบการศึกษาแล้ว) และยังเป็นการฝึกประสบการณ์การทำงานเสียแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

9. การออกค่ายอาสา สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี เพื่อเป็นการเรียนรู้ถึงความยากลำบาก เข้าใจสังคมที่กว้างไกลกว่าตนเองมากขึ้นว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการเรียน การหางานทำ หรือการหาประโยชน์ใส่ตนก็คือการมีน้ำใจต่อผู้อื่นในสังคมด้วย นี่สิถึงจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข

by TVPOOL ONLINE