เรียกได้ว่าสะเทือนเลื่อนลั่นไปทุกเวทีเลยจ้า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 กรณีที่ “ฝ้าย เวฬุรีย์ ดิษยบุตร” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนล่าสุด โดยจวกเรื่องความไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ทั้งรูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วน กระแสเป็นเด็กเส้นเพราะเจ้าตัวมีดีกรีเป็นอดีตพิธีกรรายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก และกำลังจะมีผลงานในบท คนรับใช้ ละครเรื่อง เรือนริษยา กับทางช่อง 3 รวมถึงกรณีทวีตคำหยาบคาย ค-ย. , สัส , เ -ี้ ย และดอกไม้สีทอง
รวมทั้งประเด็นหลังได้เอาไปเปรียบเทียบกับกรณีของหนึ่งในผู้เข้าประกวดปีเดียวกัน “ต๊อบ ฟองพิกุล ทองลิ้ม” ที่ต้องออกจากการประกวดนี้ไปเหตุเพราะมีการโพสต์คำหยาบคล้ายกรณีนี้ แต่ฝ้ายกลับไม่โดนตัดสิทธิ์ จนกองประกวดถูกมอง 2 มาตรฐาน
เท่านั้นยังไม่พอ กรณีรองอันดับสองอย่าง “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” ก็มาโดนตั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโกงอายุในการประกวด รวมถึงมีการขุดภาพที่เจ้าตัวเคยประกวดเวทีเซ็กซี่และภาพสมัยเคยเป็นพริตตี้มาก่อน ถึงตอนนี้กระแสแอนตี้ยังรุนแรงถึงขั้นล่าสุด ตั้งเพจล่ารายชื่อถอดถอน “ฝ้าย เวฬุรีย์” ออกจากตำแหน่งเลยทีเดียว
เรื่องราวฉาวโฉ่ทั้งหมดส่งผลกระทบกับเวทีการประกวดเวทีอื่น โดยเฉพาะ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ โดยเจ้าตัวเผยว่า
“เคสนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับกองประกวดทุกเวทีให้ระมัดระวังในการคัดเลือกนางงามให้มากขึ้นจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ส่วนกรณีของฝ้าย ผมมองว่าควรการตัดสินใจของคณะกรรมการ ถ้าเป็นนางงามเวทีผม ไม่สวยหรือสวยไม่ถูกใจ ไม่ปลด! เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรสนิยม แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย ไม่เอาไว้แน่ โดนยึดมงกุฏแน่นอน”
“กรณีของฝ้ายต้องบอกว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ขออนุญาตออกความคิดเห็นสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน มันเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการของเวที ถ้าในดุลพินิจที่มีการสรุปผลสูงสุดแล้วก็คงต้องเคารพในการตัดสิน ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องเคารพ และถ้าผมเป็นในฐานะคนดูผมก็จะเคารพ เพราะคนเราคงไม่สามารถทำอะไรแล้วถูกใจคนได้ตลอดเวลา หรือทุกๆครั้งที่ทำแล้วมองในจุดเดียวกันได้ตลอดทุกปี มันอาจจะมีการมองจุดแตกต่าง หรือจุดที่ไม่เหมือนกันบ้างนานทีปีหน ผมก็ต้องเคารพการตัดสินปีต่อไปจะได้มีแนวทางกันใหม่นี่คือในฐานะคนดู”
“แต่ถ้ามองในฐานะคนจัด เอ่อ…ถ้าเป็นผมมาถึงจุดนี้ก็อาจจะมาไกลเกินแล้ว ก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากว่าประคับประคองและทำให้ดีที่สุดแต่ว่านั่นเป็นอุทาหรณ์ที่ดี ไม่ใช่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเวทีไม่ดีอะไรนะ เพียงแค่ว่าเป็นอุทาหรณ์ในแวดวงการประกวดนางงาม ก็คือทำให้เราต้องระวังตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหลายๆ คนก็มามองเวทีมิสแกรนด์ว่าจะมีปัญหาอะไรให้ติดตามไหม”
“ซึ่งทุกคนจะต้องยอมรับนะครับว่าปัจจุบันสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก และก็โลกมันเป็นเปลี่ยนไป ความสวยอย่างเดียว ความพร้อมอย่างเดียวคงใช้งานไม่ได้ มันต้องมีความพร้อมในด้านอื่นๆ ซึ่งเรามองภายนอกไม่เห็น เราต้องมองทะลุผ่านให้ได้ หรือต้องพยายามตรวจสอบให้หนักขึ้นกว่าเดิม ยอมรับครับว่าตั้งแต่เข้าสู่วงการนางงามจริงๆ ประมาณ 10 ปีนี่ยิ่งนานวันขึ้น ก็ยิ่งเจอปัญหาที่มากับผู้ประกวดมากขึ้น และยิ่งนานวันขึ้นก็ยิ่งต้องใช้จิตวิทยาในการที่จะอยู่กับเขา นั่นคือที่มีของกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำคืออยากรู้จักอยากเห็นหน้าและก็อยากให้เขาเปิดใจ สำหรับผมก็คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือป้องกันเอาไว้ตั้งแต่แรก ถ้าเป็นผมก็ต้องป้องกันหนักนิดนึงครับ”
ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นกับเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ จะปลดหรือไม่?
“ถ้าเป็นผม ผมแยกเป็นสองกรณีนะครับ ในกรณีที่ไม่สวย หรือสวยไม่ถูกใจผมไม่ปลด เพราะนั่นคือการลิดรอนสิทธิ์ แต่ถ้าในกรณีนางงามทำผิดกฎหมายก็จำเป็นต้องปลดเพราะว่าคนเราถ้าไม่ได้อยู่ในกฎระเบียบในสิ่งที่เราตั้งหรือสังคมตั้ง หรือใครก็แล้วแต่ที่ตั้งเอาว่าผิดคืออะไร ถูกคืออะไร ต่อไปกฎของเราก็จะใช้กับใครไม่ได้เลย นั่นคือปัญหา”
“ถ้าไม่สวยไม่ถูกใจหรือบางคนบอกว่าความสูงน้องไป รูปร่างใหญ่ไป หรืออะไรก็แล้วแต่นั่นคือเรื่องของการมอง ผมไม่ถือว่ามันเป็นกฎผมถือว่ามันเป็นรสนิยม ซึ่งผมคงไม่ปลดเพราะว่าเมื่อคณะกรรมการที่นั่งอยู่ด้านหน้าตัดสินใจแบบนั้นด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ผมต้องเคารพ แต่ถ้าก้าวล่วงไปสู่คำว่ากฎหมายหรือกฎในการรับสมัคร ผมก็ต้องปลด ซึ่งก็ต้องมาดูว่าก้าวล่วงมาขนาดไหน ถ้าเรามารู้ทีหลังเราก็ควรปลด พยายามรู้ให้หมดเท่าที่รู้ได้”
กรณีรองอันดับสอง “น้ำเพชร” ที่มีภาพเคยประกวดเวทีเซ็กซี่มาก่อน !!
“ผมถือว่า คำว่าโป๊เนี่ย มันแค่ไหน ถ้าตราบใดที่ยังมีข้างบนกับข้างล่างปิดอยู่ สำหรับมิสแกรนด์ฯแล้วถือว่าไม่อันตรายถึงขนาดต้องยุติ ถ้าไปเจอภาพเป็นทูพีชมันก็ยังอยู่ในโซนที่ปลอดภัยและยังไม่มีผลต่อการปลด แต่ถ้ามากกว่านั้นเช่น เปลือยส่วนหนึ่งส่วนใด อันนั้นจำเป็น เพราะถือว่ามันไม่เหมาะสมกับการเป็นเวทีระดับแนวหน้าของประเทศ รวมถึงกิริยาบางอย่าง ถ้ามากเกินไป ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน”
เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2014 จะต้องตรวจเช็คประวัติผู้เข้าประกวดอย่างไร?
“โดยปกติก็สแกนมากอยู่แล้ว ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาส่งผลต่อเราแน่นอน ตั้งแต่วันแรกที่เวทีนั้นมีข่าว ของเราก็เริ่มตรวจสอบ ทั้งไอจีและเฟซบุ๊ก การเปลี่ยนชื่อแล้วก็เจอน้องเราก็ขอสัมภาษณ์ทีละคนถึงเรื่องรายละเอียด มีใครทำอะไรไว้ก่อนหน้านี้มั้ยหรืออาจจะสนุกสนาน ด้วยความที่ยังคึกคะนองกันอยู่มีบ้างไหม ให้บอกมาเราจะได้รู้ว่าลิมิตของเราอยู่แค่ไหน ซึ่งเราก็พยายามตรวจสอบแล้ว ณ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรครับ”
คิดหรือไม่ว่า เดี๋ยวนี้คนมองภาพลักษณ์นางงามติดลบไปแล้ว!!
“ก็ยอมรับสภาพนะครับ ก็ถือว่ามันไม่มีกระแสแบบนี้มานานแสนนานแล้ว คิดว่าประมาณซัก 20 ปีนะไม่เคยเห็นแบบนี้ สมัยก่อนโบราณอาจจะมีสักครั้งนึง ในอดีตทุกคนคงจำการกระชากมงกุฎได้ ทุกคนคงจำภาพนางงามบางคนที่ค้านสายตาหนักๆ ที่ยังพูดกันถึงทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่คนสองคน แต่นั่นแค่ค้านว่าไม่สวยและก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องมาสละตำแหน่งหรือไม่สละหรือจะต้องให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ แต่ปีนี้มันดูรุนแรงมาก ก็ต้องยอมรับครับว่าคนก็มอง”
ชี้แจงหรือคุยกับผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ฯ อย่างไรบ้าง?
“อย่างผมพานางงามไปเก็บตัวทุกคนก็จะคุยเรื่องของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ก็คุยกับเราแค่ 2 ประโยค นอกนั้นก็จะถามในกรณีที่เกิดขึ้นของเวทีอื่นมากกว่า ซึ่งมันก็เลยกลายเป็นแบบเหมือนคนในวงการเดียวกันเลยมีผลกระทบต่อกัน หลายๆ คนก็มองและเป็นห่วงเรื่องนี้เยอะ โดยเฉพาะผู้สนับสนุนการประกวด ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้สนับสนุนทันทีว่า ขอย้ำว่าอย่าให้เป็นแบบเวทีนั้นเด็ดขาด ช่วยสะแกนให้ดีเพราะนั่นหมายถึงภาพลักษณ์สินค้าเขาก็จะเสียหายไปด้วย ผมก็เข้านะครับ”
ผู้ใหญ่ทางช่อง7 มีพูดถึงกระแสที่เกิดขึ้นบ้างไหม?
“ส่วนทางช่อง 7 ก็ได้เตือนอย่างชัดเจนว่าทำอย่างไรก็ได้เหตุการณ์นี้ต้องไม่เกิด ซึ่งผมก็ต้องปฏิบัติ รวมถึงสถานที่เก็บตัวบุรีรัมย์ เขาก็คุยกับผมทันทีว่าขอให้อย่าให้เกิดอะไรขึ้น ให้คลีนที่สุด เพราะเนื่องจากว่าคุณเนวิน ชิดชอบ และบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เวลาเขาทำอะไรเขาทำเกินร้อย และก็ทำด้วยภาพลักษณ์ที่ดีเขาก็กลัวว่าเราอาจจะทำให้ภาพตรงนั้นมันเสียไปด้วย ซึ่งมันก็มีผลกระทบแบบนี้รอบด้าน ผมว่าอีเวนต์ต่างๆ ก็ไม่ค่อยจ้างนางงามแล้วมั้งครับช่วงนี้”
ฝากถึงบรรดาสาวๆ ที่คิดจะประกวดนางงาม!!
“อย่างแรกนะครับก็ต้องฝากบอกน้องๆ ทุกคนว่าสิ่งที่มันผ่านมาแล้วในอดีต น้องๆ อาจจะไปสนุกสนานร่าเริงหรือไปทำอะไรมาก็ตาม ถ้ามันถึงขั้นผิดกฎหมายก็จงตระหนักเถอะว่าอย่าเสี่ยงที่จะเข้ามาประกวด องค์กรในการประกวดก็จะเสีย และตัวน้องเองก็จะกลายเป็นคนสาธารณะที่ถูกตีแผ่ในด้านมืด เสียทั้งสองฝ่าย ส่วนคนที่ต้องการจะมาและก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรที่มันเป็นเรื่องกรณีศึกษาอย่างเช่นกรณีนี้ ก็เตรียมตัวเองให้พร้อมจริงๆ หมายถึงรูปร่าง หน้าตา และความพร้อมในใจ”
“และสิ่งที่ไม่ลืมเลยคือนางงามต้องไปต่อยอดที่เมืองนอก สำคัญที่สุดคือเรื่องของภาษา ถึงใครจะบอกว่าเราเป็นคนไทยพูดภาษาไทยก็พอแล้ว มันพอแค่ในบ้านเรา ไปเมืองนอกเราพลาดมงกุฎหรือไม่ได้เข้ารอบลึกๆ เป็นเพราะว่าภาษาเราไม่ได้ ชัดๆ เลยคือสื่อไม่สามารถสัมภาษณ์เราได้ เขาไม่รู้ไอเดียเรา เขาไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับเขายังไง ฉะนั้นต้องเตรียมภาษาอังกฤษมาให้ดีๆ และบุคลิกที่สำคัญมากจะต้องเป็นสากลว่าเดินอย่างไร นั่นคือบุคลิกของนางงาม ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของคนปกติ”
by TVPOOL ONLINE

