ล่าสุดชื่อของ ใบเฟิร์น อัญชสา ก็กลายเป็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อเธอได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @b1f3rn ซึ่งเป็นการเล่าประสบการณ์ชีวิตของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เธอเพิ่งจะได้มีโอกาสพูดคุยกันหลังจากกลับมาจากต่างประเทศ
โดยสาวใบเฟิร์นได้เขียนถึงเรื่องนี้ในเชิงเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตของเพื่อนคนดังกล่าว ที่ถึงแม้จะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ แถมยังมีรายได้ต่อเดือนเพียงแค่ 20,000 บาทไทย แต่คุณภาพชีวิตกลับดีกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหารถติด ที่เธอเล่าว่า การใช้ชีวิตคนเพื่อนคนนี้ในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลา เพราะแค่มีเพียงจักรยานคันเดียวก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย ผิดกับชีวิตคนกรุงที่ต้องทนอยู่กับปัญหารถติดเป็นเวลาเฉลี่ยกว่า 4 ชั่วโมง ต่อ 1 วัน
นอกจากนั้นแล้ว ใบเฟิร์น อัญชสา ก็ยังเสริมต่อว่า อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนมักจะพูดถึงเกี่ยวกับคนที่เป็นดารานักแสดง ในทำนองว่า “ดาราคงไม่เดือนร้อน” เจ้าตัวได้ยืนยันด้วยตัวเองว่า คำกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตัวเธอเองก็เคยประสบกับทุกปัญหาเหมือนกับที่หลายคนพบเจอเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร การเดินทาง และเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พร้อมกับระบุว่า เงินก็คือส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำคัญกว่า
ซึ่งในท่อนสุดท้ายของประเด็นที่ ใบเฟิร์น อัญชสา หยิบมาเขียนถึงในครั้งนี้ เจ้าตัวก็ได้ฝากเป็นข้อคิดให้กับใครหลายๆ คน ถึงปัจจัยที่จะทำให้ประเทศเราเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยว่า การเมืองก็เป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ หากทุกคนช่วยกันแก้ไข ประเทศของเราจะน่าอยู่ขึ้นกว่านี้อีกเยอะเลย
“เมื่อวานคุยกับเพื่อนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศมา คือกลับมาเจอกันแล้วนางสวยมากๆ ผอมลงดูสุขภาพดี นี่ก็ถามทำไรมา นางบอกไปอยู่นู่นตื่นเช้ามาก็ปั่นจักรยานเล่น กลางวันเรียน เรียนเสร็จปิกนิกในสวน เดินเล่น เดินซื้อของกลับมาทำกินที่บ้าน ฟังแล้วแบบชีวิตดีจัง”
“ทั้งที่จริงๆ เพื่อนเราอยู่ฝรั่งเศส เงินเดือนแค่ 20,000 บาทไทย คือถือว่าน้อยมาก แต่เพื่อนเราบอกก็อยู่ได้สบายๆ คุณภาพชีวิตดี ไม่ต้องเผื่อเวลารถติด ไปไหนก็ปั่นจักรยานหรือเดินเอา เวลาต่อวันเหลือเยอะพอที่จะเอาไปทำอะไรเพื่อตัวเอง..ฟังแล้วแบบ เออว่ะ!”
“อย่างชีวิตเราตอนนี้คือวันหนึ่งเราน่าจะเสียเวลาอยู่บนท้องถนน ไม่ต่ำกว่า 4ชั่วโมงต่อวัน เพราะรถติดมากๆ คิดดูว่า 4 ชั่วโมงนี้ เราเอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ เพื่อให้ชีวิตมีประสิทธิภาพกว่านี้ มันควรเอาเวลาที่ต้องเสียไปมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือสังคมมากกว่านี้”
“เคยสงสัยว่าทำไมประเทศเรามีพิพิธภัณฑ์น้อย ก็เลยคุยกับเพื่อน แล้วคิดว่า คงเพราะทุกวันนี้การใช้ชีวิตพวกเราคือหาเช้ากินค่ำ เสียเวลาบนท้องถนน พอเสาร์อาทิตย์ก็คือเหนื่อย (หรือบางคนไม่ได้หยุดด้วยซ้ำ) ก็คงอยากพักผ่อน ไม่มีเวลาไปเสพงานศิลป์หรือสร้างสรรค์อะไรแล้ว”
“เห็นช่วงก่อนคนพูดเยอะนะว่า ดาราคงไม่เดือดร้อนหรอก โห! พูด เลยว่าไม่จริง! กระทบทุกอย่างในชีวิตเลยแหละ ตั้งแต่ค่าอาหารการเดินทาง และเวลาในชีวิตที่หายไป ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เลยมาถึงตรงนี้ได้ไง สรุปคือ เงินก็ส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต ก็ไม่ปฏิเสธหรอก แต่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำคัญกว่า ลองคิดดูว่าทำไมคนรู้จักเราหลายๆ คนก็ไม่ได้มีเงินเยอะแยะ แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในประเทศที่คุณภาพชีวิตของประชากรเขาดี”
“ซึ่งถามว่า ให้เราขยันกว่านี้เหรอ เราก็ทำได้ หาเงินให้เยอะกว่านี้เหรอ ก็ได้อีกแหละ แต่แน่ใจเหรอว่าคุณภาพชีวิตเราจะดีกว่านี้ ก็ไม่… เราว่าหลายๆ คนก็พยายามแล้วที่จะขยันหาเงิน แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันกดไว้ก็ไม่รวยสักทีไง เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของประชาชนอย่างเดียวที่จะมีคุณภาพชีวิตให้ดีได้ ทีนี้รู้หรือยังว่าการเมือง เป็นเรื่องของทุกคนในประเทศจริงๆ”
“ที่ติ ไม่ใช่เพราะชังชาตินะคะ สิ่งที่ดีก็มีหลายอย่างมากๆ ค่ะ แต่สิ่งที่ไม่ดีก็มี แล้วถ้าหลายอย่างได้รับการแก้ไขได้ประเทศเราจะน่าอยู่อีกเยอะค่ะ ประเทศนี้เป็นของพวกเราทุกคน เป็นเรื่องของพวกเราทุกคนค่ะ เราต้องช่วยกัน เฟิร์นไม่ได้บอกว่ารัฐบาลต้องแก้อยางเดียว สามัญสำนึกประชาชนก็สำคัญค่ะ”
“ส่วนประเด็นที่มีคนไล่ไปอยู่ประเทศอื่น ก็อยากบอกว่าเราต้องเลิกความคิดนี้กันได้แล้วค่ะ ในฐานะคนไทยรู้สึกว่าอะไรไม่ดีก็ควรจะติได้ ส่งเสียงของเราออกไป ให้เขาเห็นถึงปัญหา เมื่อเห็นถึงปัญหา การพัฒนาถึงจะเกิดค่ะ ถ้ามองไม่เห็นปัญหาแล้วการพัฒนาจะเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ”
