เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวต่างประเทศใกล้ไทย ที่เที่ยวเองได้ง่าย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ว่างปุ๊บบินไปเที่ยวได้ปั๊บ เพราะเป็นประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า และยังสะดวกสบายด้วยเส้นทางบินที่มีเที่ยวบินเกือบทุกวัน ราคาคุ้มค่า เหมาะแก่การเที่ยวต่างประเทศแบบครอบครัว

ใครที่คิดอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มจากประเทศไหนดี เราขอแนะนำ 5 ที่เที่ยวต่างประเทศใกล้ประเทศไทย บินไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศเบา ๆ ช่วงวันหยุดยาวหรือช่วงปลายปี ว่างปุ๊บบินไปเที่ยวได้ปั๊บ ไม่ต้องขอวีซ่า เดินทางง่าย จึงตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบเที่ยวเอง อีกทั้งยังมีที่เที่ยวเจ๋ง ๆ ที่เหมาะกับครอบครัว มีเด็กไปด้วยก็เที่ยวได้ ที่สำคัญสะดวกสบายด้วยเส้นทางบินที่มีเที่ยวบินรองรับเกือบทุกวัน

1. ประเทศสิงคโปร์

จุดหมายปลายทางยอดนิยมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศเล็ก ๆ ที่มีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่มากมาย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นั้นก็ล้วนอยู่ระดับแนวหน้าของโลก และยังแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร มีหลากหลายประเภท การเดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัย เที่ยวเองได้ ผู้คนน่ารัก ที่สำคัญคือเป็นประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต่างประเทศแบบครอบครัว ไปถึงสิงคโปร์ก็ต้องไปถ่ายรูปคู่กับเมอร์ไลออน แต่นอกจากรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำนี้แล้ว ยังมีที่เที่ยวสิงคโปร์อันตื่นตาตื่นใจอีกหลายแห่ง ดังนี้
  • Jewel Changi Airportสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของสิงคโปร์ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก Jewel Changi Airport คือ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในสนามบินชางงี มีการออกแบบภายในที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร เนรมิตน้ำตกขนาดใหญ่ให้ไหลจากเพดานโดมสูงกว่า 40 เมตร และยังมีการตกแต่งสวนด้านในด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณให้เป็นสวนสไตล์ทรอปิคอล พร้อมด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Canopy Park, Canopy Bridge, Manulife Sky Nets – Bouncing, Manulife Sky Nets – Walking, Hedge Maze และ Shiseido Forest Valley เป็นต้น และยังมีร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์ดัง พร้อมทั้งบริการต่าง ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jewelchangiairport.com

  • ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ (Universal Studio Singapore)สวนสนุกครบวงจรของสตูดิโอสุดโด่งดังอย่างยูนิเวอร์แซล ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว การแสดงโชว์สุดตระการตา ถนนแห่งความบันเทิง ศูนย์การค้าที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก ร้านอาหารหลากหลายสไตล์ และโรงแรมที่พักที่มีการดีไซน์โดดเด่น มาที่เดียว ครบจบทุกความสนุก ซึ่งความสนุกเหล่านี้จากยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ค่าเข้าก็เริ่มต้นอยู่ที่ 79 ดอลลาร์สิงคโปร์เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ rwsentosa.com
  • การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay)สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่อันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งของสิงคโปร์ โดดเด่นด้วยซูเปอร์ทรี โครงสร้างต้นไม้แห่งอนาคตขนาดสูงใหญ่ระหว่าง 25-50 เมตร เทียบเท่ากับตึกสูง 9-15 ชั้น ตกแต่งด้วยไม้ประดับนานาชนิด มีทางเดินลอยฟ้า OCBC ระยะทาง 128 เมตร เชื่อมระหว่างต้นซูเปอร์ทรี (Supertrees) ยามค่ำคืนห้ามพลาดกับการแสดงแสงสีสวยงามตระการตา

นอกจากนี้ยังมี Floral Fantasy โดมที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน พร้อมทั้ง Flower Dome, Cloud Forest, Art Sculptures และสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ให้เที่ยวชมอีกมากมาย

การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-02.00 น. ในโซนด้านนอก ส่วนโซนอื่น ๆ จะมีเวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันออกไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ gardensbythebay.com.sg

  • พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และศิลปะ (ArtScience Museum Singapore)จุดเช็กอินที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ด้วยมีผลงานศิลปะที่สอดแทรกไปกับหลักการวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย เริ่มความน่าสนใจด้วยอาคารที่มีสถาปัตยกรรมคล้ายกับนิ้วมือทั้งสิบริมอ่าวมารีน่าเบย์ อันสื่อถึงการโบกมือต้อนรับสู่สิงคโปร์ ซึ่งสามารถกรองแสงธรรมชาติได้ ทำให้การจัดแสดงงานต่าง ๆ จะอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติที่งดงาม

    ด้านในก็มีการจัดแสดงผลงานทั้งแบบถาวรและชั่วคราว แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือผลงานอาร์ตเวิร์กจาก teamLab ที่ชื่อว่า Future World ซึ่งนำเสนองานศิลปะผ่านระบบแสงดิจิทัลและงานศิลปะแบบติดตั้ง เกิดเป็นภาพกราฟิกที่สวยงามแปลกตา ผู้ใหญ่ตื่นตา เด็กเที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลิน

 ArtScience Museum Singapore เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ให้เข้าชมเป็นรอบ ได้แก่ 10.00 น., 11.00 น., 13.00 น., 14.30 น., 16.00 น. และ 17.30 น. ราคาเริ่มต้นที่ 18 ดอลลาร์สิงคโปร์ (สำหรับตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ marinabaysands.com และ เฟซบุ๊ก ArtScience Museum
  • ถนนฮาจิเลน (Haji Lane)ตั้งอยู่ระหว่าง North Bridge Rd. กับ Beach Rd. เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพียงก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ถนนเส้นนี้ก็จะรู้สึกได้ถึงความสนุกสนาน ด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์โคโรเนียลหลากสีสัน และผลงานสตรีตอาร์ตที่มีชีวิตชีวา พร้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟชิค ๆ มากมาย คึกคักทั้งกลางวันและค่ำคืน อีกทั้งยังเที่ยวเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในย่านกัมโปงกลาม (Kampong Glam) ได้อีกด้วย

ระยะเวลาพำนักในประเทศสิงคโปร์โดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน

2. มาเก๊า

ลาสเวกัสแห่งเอเชีย เมืองเล็ก ๆ ที่มีแสงเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลา ผสมผสานไว้ทั้งกลิ่นอายของตะวันออกและตะวันตก โดดเด่นด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และเป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่อยู่อันดับต้น ๆ ของเอเชีย มีที่เที่ยวมาเก๊าที่สามารถรองรับได้ทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ บรรยากาศของเมืองละมุนกำลังพอดี ไม่เงียบเหงาแต่ก็ไม่วุ่นวายจนเกินไป มีมุมให้ได้เดินเที่ยวชิล ๆ สูดลมหายใจยาว ๆ สลับกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่เป็นระยะ

เที่ยวมาเก๊าด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพราะมีระบบขนส่งสาธารณะที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว และยังเชื่อมต่อไปยังฮ่องกงได้ มีสนามบินของตัวเอง ผู้คนน่ารักและพูดภาษาอังกฤษได้ดี คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า มีพาสปอร์ตที่เหลืออายุการใช้งานมากกว่า 6 เดือน ก็สามารถบินไปเที่ยวได้เลย ทั้งนี้ก็มีจุดเช็กอินที่เป็นแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาด ดังนี้

  • เวเนเชียน (The Venetian Macao Resort Hotel) และหอไอเฟลจำลอง (Eiffel Tower) ที่เที่ยวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดแห่งหนึ่งในมาเก๊า สำหรับเวเนเชียนมีลักษณะเป็นคอมเพล็กซ์ความบันเทิงขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์อิตาเลียน รวบรวมไว้ทั้งโรงแรมระดับเวิลด์คลาส ร้านอาหารหรู กาสิโน และศูนย์การค้าที่มีแบรนด์ดังระดับโลก โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปก็คือ Grand Canal Shoppes เป็นชั้นศูนย์การค้าขนาดกว้างใหญ่ ตกแต่งบรรยากาศให้คล้ายกับเมืองเวนิส เจ้าเรือกอนโดลา มาเก๊า ก็อยู่ที่นี่นั่นเอง สามารนั่งล่องเรือชมวิวร้านค้าแบรนด์ดังต่าง ๆ ได้ด้วย
    ในส่วนของ Grand Canal Shoppes เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. วันศุกร์-เสาร์ จะเปิดถึง 24.00 น. เข้าชมฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ venetianmacao.com

 ถัดมาจากโรงแรมเวเนเชียน ที่ใกล้ ๆ กันนั้นจะเป็นหอไอเฟลจำลองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้า Hotel Parisian มีจุดชมวิวอยู่ด้านบน ซึ่งสามารถมองเห็นมาเก๊ามุมสูงได้ไกลสุดลูกหูลูกตาในมุมมอง 360 องศา พอตกเย็นแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็จะมีการแสดงไฟให้ได้ชมตลอดค่ำคืน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ parisianmacao.com

  • เซนาโด สแควร์ (Senado Square) และซากอาสนวิหารนักบุญเปาโล (Ruins of St. Paul’s)แลนด์มาร์กสำคัญของมาเก๊า ตั้งอยู่ในโซนกลางของคาบสมุทรมาเก๊า โดยเซนาโด สแควร์ เป็นย่านการช้อปปิ้งที่สวยหรูไปด้วยอาคารสไตล์ยุโรป ปูทางเดินด้วยกระเบื้องลวดลายสวยงาม มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง บรรยากาศราวกับจัตุรัสยอดนิยมในยุโรป ทั้งสองฟากฝั่งเป็นร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก สลับคั่นด้วยร้านค้าท้องถิ่นชื่อดังและร้านอาหารอร่อย ๆ มากมาย

หากเดินลึกเข้าไปยังด้านในก็จะเชื่อมต่อไปถึงซากอาสนวิหารนักบุญเปาโล ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงด้านหน้าที่ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ของอาสนวิหารแห่งนี้ในอดีตได้อย่างดี ควรค่าแก่การเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก

  • มาเก๊า ทาวเวอร์ (Macau Tower)หอคอยชมวิวสูงกว่า 338 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเล Outer Harbour โดยจุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 58 สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา แต่ไฮไลต์เด็ดที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก จะอยู่ที่ชั้น 61 ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายสามารถเดินไต่เวหานอกอาคาร รวมทั้งเล่นบันจี้จั๊มพ์ได้ด้วย

 มาเก๊า ทาวเวอร์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 165 ปาตากามาเก๊า เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ macautower.com.mo
  • หมู่บ้านโคโลอาน (Coloane)หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของย่านโคโลอาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล สีสันสวยงามเย็นสบายตา บรรยากาศเงียบสงบ มีจุดเช็กอินให้เดินเที่ยวถ่ายรูปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์คาทอลิกสีเหลืองสดใสสะดุดตา ห้องสมุดเล็ก ๆ เสน่ห์ล้นเหลือ หรือแม้กระทั่งร้านทาร์ตไข่ชื่อดังอย่าง Lord Stow’s Cafe สาขาแรกของมาเก๊า

  • ศูนย์วิทยาศาสตร์มาเก๊า (Macao Science Center)พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แนวหน้าของเอเชีย น่าสนใจตั้งแต่สถาปัตยกรรมทรงกรวยสีเงิน อันสะท้อนให้นึกถึงโลกแห่งอนาคต ด้านในประกอบด้วยการจัดแสดงงานวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีอุปกรณ์จอภาพที่มีความละเอียดสูงอันดับ 3 ของโลก พร้อมด้วยยานอวกาศเสินโจว 7 จำลอง และหุ่นยนต์อัตโนมัติ
          ศูนย์วิทยาศาสตร์มาเก๊า เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวันศุกร์-พุธ (ปิดวันพฤหัสบดี) ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ราคาเริ่มต้น 25 ปาตากามาเก๊า ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ msc.org.mo
ระยะเวลาพำนักในมาเก๊าโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน

3. เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย

จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายชิล ปีนัง (Penang) เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยู่ห่างจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพียงแค่ 100 กว่ากิโลเมตร และอยู่ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประมาณ 200 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างประเทศที่นอกจากจะไม่ไกลจากไทยแล้ว ก็ยังมีบรรยากาศอบอุ่น ผู้คนเป็นมิตรเสมือนพี่น้องกับคนไทย มีที่เที่ยวปีนังครบรส ทั้งที่เที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม พร้อมด้วยจุดถ่ายภาพสตรีตอาร์ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ ๆ และจุดชมวิวสวย ๆ เดินทางเที่ยวง่าย มีสนามบินรองรับ มีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ ไม่ต้องใช้วีซ่า เหมาะกับการเที่ยวแบบครอบครัว สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ มีดังนี้
  • จอร์จทาวน์ (George Town)เขตเมืองเก่าอันล้ำค่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก แปลกแตกต่างไม่เหมือนใครด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์โคโรเนียลที่ตั้งเรียงรายทอดยาวไปทั่วทั้งเมืองเก่า ซึ่งมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 มีรูปแบบการดีไซน์และตกแต่งที่สวยงาม สีสันสดใส กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการเปิดประตูบ้านและเนรมิตพื้นที่ด้านในให้กลายเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พักสุดอบอุ่น เพิ่มความสนุกด้วยผลงานสตรีตอาร์ต ปีนัง ของคนรุ่นใหม่ เดินเที่ยวก็เพลิน ถ่ายรูปก็ฟิน

  • ปีนัง ฮิลล์ (Penang Hill)ยอดเขาสูงบนเกาะปีนัง อันมีจุดชมวิวที่สวยตระการตาที่ความสูงราว ๆ 833 เมตร จากระดับน้ำทะเล มองเห็นได้ทั้งวิวบนเกาะปีนังและฝั่งแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sky Walk, Sky Deck, The Habitat, Heritage Post Box, EL Walk และ Penang Hill Mosque เป็นต้น นอกจากนี้ก็ไม่ควรพลาดกับการนั่งรถรางไฟฟ้า ที่จะพานักท่องเที่ยวค่อย ๆ ไต่ระดับความลาดชันของเนินเขาขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนสุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ penanghill.gov.my

  • ชิว เจตตี (Chew Jetty)หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ริมฝั่งทะเลทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะปีนัง อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวบรรยากาศสบาย ๆ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้มาลองสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนปีนังในอีกมุมมอง ภายในชุมชนมีร้านอาหารท้องถิ่นให้ได้เดินทอดน่องลิ้มลองชิมของกินอร่อย ๆ ที่ด้านในสุดก็จะเป็นวิวของท้องทะเลกว้าง ดูสบายตา ลมพัดเย็นตลอดทั้งวัน

  • เก็กลกสี่ (Kek Lok Si)วัดจีนที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตอีร์ อิตัม (Air Itam) สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 มีสถาปัตยกรรมสไตล์จีนที่สวยงามอลังการ ที่เห็นโดดเด่นคือ “เจดีย์ 7 ชั้น” หรือเจดีย์พระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์ โดยด้านในจะมีพระพุทธรูปสง่างามทั้งหมด 10,000 องค์ พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ และภายในวัดยังมีรูปหล่อเจ้าแม่กวนอิมสำริดสูงกว่า 30 เมตร ให้ได้ไปกราบไหว้ขอพรด้วย ที่นี่เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-17.30 น. เข้าชมฟรี

  • เอสเคป ธีมปาร์ก (ESCAPE Theme Park)ตั้งอยู่ใกล้กับ Teluk Bahang Dam เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่มีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่เพียบ และยังตอบโจทย์กับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว เพราะครบถ้วนไปด้วยเครื่องเล่นและกิจกรรมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำที่มีเครื่องเล่นสนุก ๆ และกำลังจะมีสไลเดอร์ที่ยาวที่สุดในโลก ซิปไลน์กับการห้อยโหนปีนป่ายบนต้นไม้ยักษ์ ซึ่งมีฐานรองรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ความปลอดภัยมาตรฐานสากล และกิจกรรมแบบแอดเวนเจอร์อีกนับไม่ถ้วน
          เอสเคป ธีมปาร์ก เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ค่าบัตรเข้าชมเริ่มต้นที่ 147 ริงกิตมาเลเซีย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ escape.my
ระยะเวลาพำนักในปีนังโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน

4. เมืองไทเป ไต้หวัน

          เมืองที่ได้ชื่อว่าศิวิไลซ์ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์รวมเศรษฐกิจ การศึกษา การเดินทาง และการท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและสมัยใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว และยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารนานาชนิด รสชาติอร่อยถูกปากคนไทย คุณภาพอัดแน่น แต่ราคาเบา ๆ เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายกินอย่างแท้จริง

อีกทั้งไทเปยังมีค่าครองชีพเทียบเท่ากับไทย การเดินทางสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะสุดทันสมัย เข้าถึงทุกแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์ก รองรับผู้โดยสารทุกรูปแบบ การเดินทางไป-มาระหว่างสนามบินก็ง่ายดาย มีเที่ยวบินทุกวัน อยู่ในระหว่างการยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ใจพร้อมเมื่อไรก็จับมือสมาชิกในครอบครัวไปเที่ยวได้เลย ที่เที่ยวไทเปที่อยากจะแนะนำ ดังนี้

  • ไทเป 101 (Taipei 101)ตึกสูงระฟ้าที่สูงที่สุดในไต้หวัน มีความสูงมากกว่า 500 เมตร มีทั้งหมด 101 ชั้นที่อยู่เหนือพื้นดิน และ 5 ชั้นที่อยู่ใต้ดิน เป็นอาคารที่มีลิฟต์เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 1,010 เมตร/นาที โดยด้านในมีทั้งสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร แกลลอรี่ และจุดชมวิวบนความสูงมากกว่า 400 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวไทเปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาในมุมมอง 360 องศา ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลสำคัญก็มีการจัดแสดงดอกไม้ไฟสุดตระการตา ที่ยิงออกมาจากตัวตึกให้ได้ชมกันด้วย

 ไทเป 101 เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ค่าเข้าชมจุดชมวิว เริ่มต้น 600 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ taipei-101.com.tw
  • จิ่วเฟิ่น (Jiufen)แลนด์มาร์กโดดเด่นแห่งไต้หวัน ห่างจากเมืองไทเปราว ๆ 40 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นหมู่บ้านเก่าแก่บนยอดเขาของเมืองนิวไทเป งดงามไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์จีนโบราณที่ตั้งลดหลั่นกันลงมาตามเนินเขา ภายในหมู่บ้านมีร้านอาหาร ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกมากมาย พร้อมทั้งมีจุดชมวิวมองเห็นท้องทะเลและภูเขากว้างใหญ่ บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย เที่ยวได้ทุกวัน

  • อนุสรณ์สถานเจียง ไคเช็ก (Chiang Kai Shek Memorial Hall) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีการพูดถึงไม่น้อยหน้าไปกว่าที่เที่ยวอื่น ๆ ของไทเป ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่ใหญ่โตโอ่โถง อยู่ในพื้นที่เดียวกับ Liberty Square Arch ซึ่งมีพื้นที่กว่า 240,000 ตารางเมตร โดยอาคารอนุสาวรีย์เจียง ไคเช็ก จะมีลักษณะเป็นอาคารสีขาว หลังคาแปดเหลี่ยมแบบจีนสีน้ำเงิน มีบันไดทางขึ้น 89 ขั้น ด้านบนเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจียง ไคเช็ก ส่วนด้านล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด นอกจากนี้ในบริเวณเดียวกันยังประกอบไปด้วยสวนสวยกว้างขวางและโรงละครแห่งชาติ มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงามไม่แพ้กัน

  อนุสรณ์สถานเจียง ไคเช็ก เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม
  • สวนสัตว์ไทเป (Taipei Zoo)สวนสัตว์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางตอนใต้ของไทเป มีพื้นที่มากกว่า 165 เฮกตาร์ มีบรรยากาศแบบป่าทรอปิคอล พร้อมด้วยส่วนจัดแสดงสัตว์นานาชนิด อีกทั้งยังมีการแสดงโชว์และกิจกรรมสนุกสนานให้ได้ร่วมสนุกเพียบ สิ่งที่ห้ามพลาดของที่นี่ เช่น ส่วนจัดแสดงสัตว์ท้องถิ่นฟอร์โมซาน, ส่วนจัดแสดงแพนด้า และโดมนก

สวนสัตว์ไทเป เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชมเริ่มต้น 60 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ zoo.gov.taipei
  • กระเช้าไฟฟ้าเมากง (Maokong Gondola)กระเช้าไฟฟ้าที่จะพาขึ้นไปยังพื้นที่บนเขาเมากง อันเป็นเขตที่มีการปลูกชามากที่สุดของไต้หวัน โดยมีระยะทางทั้งหมดราว ๆ 4.03 กิโลเมตร จุดที่สูงที่สุดอยู่ที่ 299.3 เมตร จากระดับน้ำทะเล โดยความน่าสนใจของที่นี่อยู่ตรงที่วิวทิวทัศน์ระหว่างทาง ที่สามารถมองเห็นเมืองไทเปมุมสูงและป่าเขาโดยรอบได้อย่างกว้างไกล สวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารวิวสวยไว้บริการอีกด้วย
          กระเช้าไฟฟ้าเมากง เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ และวันจันทร์ต้นเดือน วันอังคาร-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-22.00 น. และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-21.00 น. เริ่มต้นที่ 70 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ gondola.taipei
  • Huashan 1914 Creative Parkศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ที่จัดแสดงผลงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ โดยได้เนรมิตโรงผลิตไวน์เก่าแก่ให้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดไอเดียแปลกใหม่ มีทั้งแกลลอรี่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านจำหน่ายสินค้าคราฟต์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สวนหย่อม ผลงานศิลปะแบบจัดวาง และที่ไม่ควรพลาดคือ การถ่ายรูปชิค ๆ กับอาคารเก่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียวขจีดูสดชื่น

ระยะเวลาพำนักในไต้หวันโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 – 31 กรกฎาคม 2563 สามารถพำนักอยู่ได้ 14 วัน

5. ฮานอย ประเทศเวียดนาม

          เมืองสำคัญทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากนครโฮจิมินห์ เสน่ห์ของฮานอยอยู่ตรงที่เป็นเมืองที่มีบรรยากาศกำลังพอดี ไม่วุ่นวาย แต่ก็ไม่เงียบจนเกินไป อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวฮานอยยังมีหลากหลายสไตล์ ไม่ถึงกับหวือหวาแต่ก็น่าสนใจไม่น้อย และยังอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศเวียดนามหลายแห่ง มีค่าครองชีพไม่แพงมากนัก อาหารอร่อย เดินทางไม่ยาก ใช้เวลาบินไปเพียงราว ๆ 2 ชั่วโมง มีเวลาหยุดสั้น ๆ ก็ไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาขอวีซ่า โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวฮานอยและพื้นที่ใกล้เคียงที่น่าสนใจที่อยากจะแนะนำ ดังนี้
  • สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum)อนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดในฮานอย เป็นสุสานของท่านโฮจิมินห์ ผู้นำคณะปฏิวัติเวียดนามคนสำคัญ ซึ่งเป็นผู้ประกาศอิสรภาพในการจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ตัวอาคารสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973-1975 มีสถาปัตยกรรมแบบเวียดนามสมัยใหม่ ตกแต่งด้วยหินแกรนิตสีเทา สูง 21.6 เมตร และกว้าง 41.2 เมตร รายล้อมไปด้วยสวนที่มีต้นไม้น้อยใหญ่มากกว่า 250 ชนิด เปิดให้เข้าเที่ยวชมด้านในได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. (วันจันทร์จะปิดตั้งแต่ 11.00 น.) แต่งดการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ

  • ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake)เรียกอีกชื่อว่า “ทะเลสาบคืนดาบ” (Lake of the Returned Sword) เป็นทะเลสาบใจกลางเมืองฮานอย รายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะขนาดกว้างใหญ่ และยังมีจุดที่น่าสนใจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดหง็อกเซิน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ในทะเลสาบตอนเหนือ โดยมีสะพานเทฮุกสีแดงสดเป็นตัวเชื่อม, สถูปพู่กัน (Thap But) ประติมากรรมจีนที่มีรูปทรงคล้ายพู่กันโบราณ, Hoa Phong Tower ซากโบราณสถานเก่าแก่ สถาปัตยกรรมสวยงาม และหอคอยเต่า หอคอยโบราณที่ตั้งอยู่โดดเด่นกลางทะเลสาบ

  • อ่าวฮาลอง เบย์ (Halong Bay)อยู่ห่างจากฮานอยเพียงแค่ราว ๆ 170 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีวิวทิวทัศน์งดงามจับตา ด้วยภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายสลับซับซ้อนเป็นพื้นที่กว้างขวางในอ่าวฮาลอง ภูเขาแต่ละลูกถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณสีเขียวสบายตา บางเกาะก็มีหาดทราย บางเกาะก็เป็นหน้าผาสูงชัน และบางเกาะยังเป็นที่ตั้งของถ้ำขนาดใหญ่ นอกจากการล่องเรือชมวิวรอบ ๆ อ่าวแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมที่จะมานอนค้างคืนบนเรือ เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริงด้วย

  • ตามก๊ก (Tam Coc)ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์บินห์ ห่างจากฮานอยเพียงแค่ 100 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามแปลกตา โดยเฉพาะวิวของทุ่งนาสีเขียวขจีกว้าง ราวกับพรมผืนใหญ่ โอบล้อมไปด้วยเขาหินปูนมากมาย มีแม่น้ำไหลตัดผ่านกลางท้องนา นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือไปตามแม่น้ำ เพื่อสัมผัสกับความงดงามเหล่านี้ได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ก็ยังมีจุดชมวิวและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง

  • ซาปา (Sa Pa)เมืองเล็ก ๆ บนภูเขา ห่างจากฮานอยไปทางตอนเหนือราว ๆ 300 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาสวย ๆ มีทั้งจุดชมทะเลหมอก น้ำตก ป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นจุดชมนาข้าวขั้นบันไดที่งดงามมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับยอดเขาฟานซีปัง ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาว ที่บางปีก็หนาวถึงขั้นมีหิมะโปรยปรายลงมาเลยทีเดียว เหมาะมาก ๆ สำหรับครอบครัวที่ต้องการชาร์จพลังงานจากธรรมชาติ

ระยะเวลาพำนักในเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน

 ทั้งหมดนี้ก็เป็นที่เที่ยวต่างประเทศใกล้ไทย ที่ตอบโจทย์สำหรับครอบครัวนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ไว้รองรับ ไม่ต้องยุ่งยากกับการขอวีซ่า ใช้เวลาเดินทางแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงที่หมาย