หลังจากณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ควง นาน่า ธันยา เข้าวิวาห์ไปได้ไม่นาน ก็วางแพลนกันไปฮันนีมูนไกลถึงอิตาลี แต่ก่อนจะมีฮันนีมูนนั้น ขอมีไปพรีฮันนีมูนกันสักที่สองที่ก่อนนะ โดยล่าสุดณัฏฐ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะไปพรีฮันนีมูนกันที่บาหลี ต่อด้วยญี่ปุ่น และที่สำคัญทริปนี้กระชับความสัมพันธ์แน่นอนเพราะทั้งคู่ พร้อมปล่อยมีลูกแล้วจ้า
ชีวิตหลังจากแต่งงาน?
“เรื่องการใช้ชีวิตยังเหมือนเดิมครับ เพียงแต่ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร(หัวเราะ) มันเหมือนกับว่าเมื่อก่อนเราเป็นแค่แฟนมันไม่มีหลักประกัน หรือมันไม่มีอะไรมาผูกมัด แต่ถามว่ารักไหมก็คือรักครับ เหมือนกับพอแต่งงานปุ๊บมันรู้สึกว่าเราสองคนกลายเป็นคนๆเดียวกัน ก่อนหน้านี้เราอาจจะคิดถึงแค่ตัวเราเอง คิดถึงครอบครัวเรา แต่ตอนนี้เรามีเขาที่ต้องคิดถึงเพิ่มอีกคน เราก็คิดถึงครอบครัวเขาด้วย มันดีนะเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ เรารู้สึกว่าเราได้ให้เกียรติเขาเต็มที่แล้ว ซึ่งเราก็ได้เลือกแล้วว่าคนนี้คือคู่ชีวิตเรา เวลาเราออกไปข้างนอก การจูงมือ การกอดกันมันทำได้เต็มที่รู้สึกว่าเราไม่ต้องเกรงใจใครมันนี่คือภรรยา ก็อยู่บ้านเดียวกันครับ จริงๆก็อยู่ด้วยกันมาก่อนแล้วแหละ ประมาณ 2 ปีแล้วแต่ว่าพอแต่งงานมันเป็นความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจริงๆ”
นอยู่ในจุดที่กลัวนะ กลัวการมีลูกเพราะว่าไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกยังไงดีในสังคมแบบนี้ มันยากอ่ะ มันไม่ได้เป็นเรื่องของสังคมอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มันกลัวไปหมด สุดท้ายเราก็เห็นเพื่อนมีมันก็มีความสุขดี แล้วมันก็ไม่ต้องคิดไรมากผมคิดว่าจะเลี้ยงยังไงให้เขาโตมามีภูมิคุ้มกันให้เขาคิดเองได้ เพราะเราไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดชีวิต แล้วก็ตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งที่เราจะมอบให้เขาได้ก็คือการวางรากฐานความคิดของเขา ให้เขาโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ แน่นอนที่เขาต้องลองผิดลองถูกเองอยู่แล้ว พวกเราเองก็ยังลองผิดลองถูกเองพ่อแม่เองบางทีเตือนก็ไม่ฟัง นับประสาอะไรกับลูกเรา ผมก็เชื่อว่าในอนาคตก็คงจะมีโมเมนต์ที่เขาจะดื้อกับเราเพียง แต่ว่าเราแค่คาดหวังว่าสิ่งที่เขาจะทำให้ดีที่สุด มันไม่ใช่การให้เงินเขา หรือว่าการสปอยล์เขานะ มันคือการสอนให้เขาคิดมีภูมิคุ้มกันกับสังคมทุกวันนี้”
จะมีหลานให้คุณแม่ภายในปีนี้ไหม?
“ปีนี้จริงๆผมปล่อยล่ะนะ ตรวจเรียบร้อยแล้วครับ หมอก็บอกว่าปกติดีไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้คือแค่พาเขาไปเที่ยวก่อน คือเหมือน 4-5 ปีที่ผ่านมาตลอดเราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันแบบเต็มที่ ก็เลยอยากจะพาเขาไปฮันนีมูน ให้เขาได้เต็มที่เลย อาทิตย์นี้ผมจะไปบาหลีครับวันที่ 5-8 กันยายน อันนี้คือไปพรีฮันนีมูนนะ เขาบอกว่าอันนี้ไม่ใช่ฮันนีมูนนะ มันนี้เป็นพรีฮันนีมูน ถ้าเกิดฮันนีมูนต้องไปยุโรป คือตั้งใจจะไปอิตาลี(ยิ้ม) โซนยุโรป น่าจะหลังทริปบาหลี คือบาลีแล้วก็จะมีไปญี่ปุ่น แต่ว่าเขาบอกว่าอันนี้ไม่ใช่ฮันนีมูน อันนี้คือพรีฮันนีมูน ก็เลยแบบโอเค เต็มที่จ๊ะ ก็อยากให้เขาเที่ยวเต็มที่ เดี๋ยวพอมีลูกปุ๊บมันคงไปเที่ยวไปไหนไม่ได้เลย”
ล็อกคิวไว้นานแค่ไหน?
“ก็ไม่นานครับ ก็อยู่ในจุดที่เราแบบมีช่วงลา ไม่ได้ถึงขั้นที่แบบว่าลาไม่ได้ก็แค่ไม่ให้มันชนละคร ถ้าตอนนี้อย่างละครเรื่องนี้(แรงเทียน)ออนแอร์ ก็พยายามอย่าให้ไปกินคิวเขาครับ เลยจะพยายามจะเอาทริปที่มันยาวๆอาทิตย์-สองอาทิตย์ก็จะไปต้นปีหน้า ปีนี้ก็คือเป็นทริปสั้นๆ 3-5 วันไม่เกินอาทิตย์นึงครับ”
หลังจากแต่งงานกันหวานกันมากกว่าเดิม?
“คือผมกับนาน่าไม่ได้หวานกันเลยนะ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนปีนึงก่อนจะคบกัน มันก็เลยไม่ได้หวานอ่ะ มันเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าเหมือนเราอยู่กับเพื่อนคนนี้ในฐานะสามีภรรยา เป็นเหมือนคู่ชีวิตก็มีหวานบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่การหวานของเขามันไม่ได้เป็นการแสดงออกแบบรักนะนู่นนี่นั่น หรือว่าซื้อของให้ การหวานสำหรับเขาคือทำกับข้าวให้ผมกิน ดูแลเรา กลับบ้านมาดูหนังกัน เรื่องง่ายๆที่ทำให้เรามีความสุขคือกลับบ้านมาเจอกันก็ไปกินข้าวกับเขา คือผมกับนาน่าเป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว บางทีผมแค่หิ้วกับข้าวกองไปฝาก แค่นั้นเขาก็ดีใจแล้ว(หัวเราะ) นี่คือสาเหตุที่เราแต่งงานกับเขาเขาเป็นคนง่ายไม่ได้ต้องการอะไรมาก กับความสุขน้อยๆที่เขาไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยว แล้วก็เสพมัน”
ถึงฉากเลิฟซีนกับหยาดทิพย์ละครแรงเทียน เราขออนุญาตหยาด กับภรรยาเราอย่างไร?
“ไม่ได้ขออนุญาตเลยครับ เพราะเขารู้ว่ามันเป็นงานคือสำหรับเรามันเป็นงานไงไม่ได้มองเป็นเรื่องชู้สาว เราทำไปด้วยแรงพลักดันของตัวละคร ด้วยความต้องการของตัวละครไม่ใช่ความต้องการของเรา เพราะฉะนั้นมันมีเส้นแบ่งชัดเจนว่านี่คืองาน แล้วเราไม่ได้คิดอะไร โอเคมันอาจจะดูแรงก็จริงมันก็คืองานครับมันไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้นอ่ะ ผมว่าเราแยกแยะได้ในฐานะนักแสดงนะ มันคือแค่สิ่งที่เราทำมันเป็นอาชีพเราแค่นั้นเอง”
กับฉากเลิฟซีนหลายๆเรื่องที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากัน?
“ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา แต่ถามว่ามีบ้างไหมก็มี(หัวเราะ) เขาก็ไม่ค่อยดูหรอกครับ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามเรานะ เขาก็เป็นมนุษย์คนนึง แต่หากถามว่าเรามีแฟนแล้วแฟนเราต้องไปเล่นเลิฟซีนกับคนนึงก็คงรู้สึกบ้างแหละ แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นงาน”
หวงภรรยาบ้างไหม?
“เขาไม่เคยทำไรให้เรารู้สึกหึงหวงเลย ซึ่งถามว่าเป็นเรื่องที่ดีไหมก็เป็นเรื่องที่ดีนะเราเชื่อใจเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ เราออกจากบ้านไปเราไม่ห่วงว่าเขาจะยังไง มันไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัวผมเลย เพราะเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ แล้วก็เป็นคนตรงๆ ไม่มีหลายชั้นเหมือนคนอื่นที่เราเคยเจอมา เขาก็เป็นคนง่ายๆแบบนี้นี่ก็เป็นเตุผลที่เรารักเขา”
ตัวติดกันไหม?
“ทุกวันนี้ผมค่อนข้างติดเขา ติดกันมาก แบบไปไหนก็ไปด้วยกัน ยกเว้นทำงานบางทีผมก็ไปคนเดียวบ้าง ก็ไม่ได้มาแบบมาคุมไรนะ เอาจริงๆก็อยู่ด้วยกันเลยกว่าเกือบ 24 ชั่วโมง คืออยู่ด้วยกันเพราะว่ามันสบายใจที่อยู่กับเขา”
by TVPOOL ONLINE







