วุ้นเส้น เปิดใจมรสุมหย่า จบกันไม่ใช่เพราะไม่อยากมีลูก

แม้ วุ้นเส้น วิริฒิพา และ ชาคริต แย้มนาม จะหย่าร้างกันและต่างฝ่ายต่างเดินไปตามเส้นทางของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ ซึ่งกว่าจะผ่านมรสุมในตอนนั้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างแน่นอน โดยล่าสุด (14 กันยายน 2562) รายการตีสิบเดย์ ได้เผยบทสัมภาษณ์ของ วุ้นเส้น วิริฒิพา เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ตนเคยไปพักอยู่ที่โรงแรมเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากช่วงที่เพิ่งหย่ากับ ชาคริต ตนไม่ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะอยู่คอนโดมาตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้ว ตนก็มีบ้านของคุณแม่ด้วย

โดยตอนนั้นตนคิดว่า พื้นที่คอนโดของตัวเองใหญ่ไม่พอที่จะขนของทุกอย่างมาได้ เพราะเป็นคอนโดที่ซื้อมาก่อนแต่งงาน ซึ่งตอนนั้นตนอาศัยอยู่ได้ แต่พอผ่านมา 5-6 ปี ของก็เริ่มเยอะขึ้น ทำให้พื้นที่ไม่พอ อีกทั้งเพื่อนก็แนะนำโรงแรมให้ด้วย และช่วงนั้นตนไม่ได้คิดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความสบายใจด้วย จึงตัดสินใจไปอยู่

สำหรับเรื่องความรัก วุ้นเส้น วิริฒิพา กล่าวว่า ตอนนี้อยู่คนเดียว ไม่มีใคร ซึ่งไม่ใช่ว่าตนไม่อยากลงเอยกับใคร แต่ตนคิดว่าทุกคนมีสิ่งที่ต้องการในชีวิตมากมาย แต่ไม่มีใครดีดนิ้วแล้วจะได้อย่างที่ต้องการ ฉะนั้นจึงต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะยิ่งอยากได้มันยิ่งไกล ตนจึงขออยู่เฉย ๆ และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า ความรักเดี๋ยวจะมาก็มาเอง ไม่ได้รีบร้อนอะไร ตนอยากให้มาในเวลาที่เหมาะสมและใช่จริง ๆ มากกว่า

ส่วนเรื่องการมีลูก วุ้นเส้น กล่าวว่า ตนไม่ได้กลัวมีลูกแล้วหุ่นเสีย แต่มันเกี่ยวกับว่า ตนต้องเจอคนที่เป็นพ่อของลูกตนจริง ๆ ที่คิดว่าจะเดินไปในทางเดียวกัน ศีลเสมอกัน อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร เพราะตนเคยมีความรัก ประสบการณ์ต่าง ๆ สอนให้ตนรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร ฉะนั้น หากตนยังไม่เจออะไรที่เหมาะสมกับตัวเอง ตนก็รอได้ หรือต่อให้วันหนึ่งไม่มี ตนก็หาวิธีทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองอยู่คนเดียวแล้วมีความสุข

นอกจากนี้ วุ้นเส้น วิริฒิพา เผยอีกว่า ความจริงตนอยากมีลูกตั้งแต่ตอนอายุ 30 ปีแล้ว ไม่เคยกลัวเรื่องหุ่นเสียเลย แต่คนอาจจะเข้าใจกันผิดไปเอง ซึ่งตนไม่สามารถควบคุมความคิดใครได้ว่าเขาจะตัดสินตนอย่างไร เพราะภาพลักษณ์ของตนอาจจะเป็นแบบนี้ แต่ตนไม่เคยออกมาพูดว่า ลึก ๆ ข้างในจิตใจของตัวเองอยากทำอะไรบ้าง ซึ่งวันนี้ตนได้พูดออกไปแล้วก็รู้สึกดี

ทั้งนี้ ความฝันของตนคือ การเป็นแม่ที่ดี การมีลูกที่น่ารักและอยู่กันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นได้หรือเปล่า เดี๋ยวก็จะรู้เองในอนาคต