เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ชื่อนี้พูดไปใครๆ ก็รู้จัก เพราะเขาคืออดีตพระเอกพ่อพระที่หันมาทำงานจิตอาสาเต็มตัวจนตอนนี้เลิกคิดเรื่อง “ความรัก” ไปแล้ว  เพราะตราบใดที่ยังมีเรี่ยวแรง “การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” คือทางที่ใช่สำหรับเขา แม้ระหว่างทางจะทุกข์จากการเป็นผู้ให้ในครั้งคราว แต่ “ความสุข” จากการให้ก็เติมเต็มหัวใจให้พองโตอยู่เสมอ

เมื่อคลิกเข้าไปในเฟซบุ๊กของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ภาพที่เราได้เห็นจะไม่ใช่ภาพดาราโพสท่ากับอาหารจานโปรด หรือภาพกิจกรรมที่แสดงถึงความสุขสนุกสนานแบบคนทั่วไป แต่จะเป็นภาพของผู้ประสบเคราะห์กรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณยายซึ่งเป็นมะเร็งที่ใบหน้าและเป็นแผลลุกลามจนไม่เหลือเค้าเดิม หรือไม่ก็เป็นภาพชีวิตความเป็นอยู่อันแสนอนาถาของสองตายายที่ป่วยเป็นอัมพาต ฯลฯ โดยจะมีการอัพเดตเรื่องราวการช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งยังมีการลงหมายเลขบัญชีไว้ทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ใจบุญสามารถบริจาคเงินให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้โดยตรง

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ลงพื้นที่ช่วยผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 30 ปี โดยมีทีมงานไปกับเขาเพียงไม่กี่คน ก่อนที่จะสร้างเครือข่ายความช่วยเหลือในโลกออนไลน์ขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีให้หลัง…พร้อม ๆ กับที่ค่อย ๆ ลดงานในวงการบันเทิงลง เหลือเพียงงานกำกับภาพยนตร์เท่านั้น อดีตพระเอกคนหนึ่งที่ตัดสินใจเฟดตัวเองจากโลกแห่งเงินทองและชื่อเสียง แล้วหันไปอุทิศตัวให้กับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยไม่ได้อะไรตอบแทน…

คุณบิณฑ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “อย่างคุณลุงมัคนายกคนหนึ่งป่วยเป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ความที่เขาไม่มีญาติ เลยได้แต่นอนอยู่ในห้องมืด ๆ เหมือนโดนขังไว้เป็นเวลากว่าสิบปี ใครผ่านไปก็โยนข้าวให้กิน วันไหนไม่มีใครผ่านไปแกก็นอนอยู่อย่างนั้น แถมตาข้างหนึ่งยังบอดเพราะโดนมดโดนแมลงกัดกิน ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มาได้ยังไงตลอดเวลาเป็นสิบปีตอนผมไปเจอ สภาพลุงน่ากลัวมาก ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง ภายในห้องเต็มไปด้วยอาหารบูดเน่า ผมจับแกมาอาบน้ำ ทำความสะอาดบ้านให้ แล้วก็ออกเงินซื้อที่นอนหมอนมุ้งให้ใหม่หมด แต่น่าเสียดายว่าหลังจากมีสุขภาพดีขึ้นได้ไม่นาน คุณลุงก็เสียชีวิตลง ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า คุณลุงอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาได้เป็นสิบปี แต่พอผมเข้าไปช่วยจนทุกอย่างดีขึ้นเขาก็จากไป อย่างน้อยเราก็ได้ทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขจริง ๆ เป็นความรู้สึกที่ใครไม่ทำไม่รู้ เป็นความสุขที่อธิบายให้ใครฟังไม่ได้”