เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เทสโก้ โลตัส ประกาศเจตนารมณ์ก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย เนื่องในโอกาสดำเนินธุรกิจครบ 25 ปี ยกระดับการทำความดีจาก “วัฒนธรรมองค์กร” สู่ “นโยบาย” ในการดำเนินงาน ที่มีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส โดยนโยบายด้านความยั่งยืนชื่อว่า The Little Helps Plan สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) มุ่งช่วยเหลือผู้บริโภคชาวไทยให้สามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูง มาจากแหล่งที่ยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ และมีราคาที่เอื้อมถึงได้ รวมทั้งใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส เติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมกับการให้ความสำคัญในการสร้างประโยชน์และใส่ใจดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนพนักงาน ลูกค้า ชุมชน คู่ค้า และสิ่งแวดล้อม ความใส่ใจเหล่านี้อยู่ในวัฒนธรรมองค์กรของพวกเราชาวเทสโก้ โลตัส ที่มุ่งทำดีในทุกๆ วัน อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับ เทสโก้ โลตัส ในฐานะธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ในประเทศไทย ตระหนักถึงบทบาทของเราในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี จึงเป็นที่มาของการยกระดับการทำงานในด้านความยั่งยืน จากเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมองค์กร ไปสู่ระดับนโยบาย ที่ถูกผนวกเข้ากับแผนการดำเนินงานทางธุรกิจและไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยนโยบายด้านความยั่งยืน The Little Helps Plan เป็นนโยบายที่ธุรกิจภายใต้กลุ่มเทสโก้ทั่วโลกปฏิบัติร่วมกัน มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และมีการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานอย่างโปร่งใส โดยในประเทศไทยเอง ได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561”

“ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก เราเชื่อมั่นว่าบทบาทของเรามากกว่าการจัดหาสินค้ามาและขายไป ลูกค้าของเราจะต้องสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูง มาจากแหล่งที่ยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ และมีราคาที่เอื้อมถึงได้ ฉะนั้น เทสโก้ โลตัส จึงให้ความสำคัญอย่างมากกับนโยบายการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (sustainable sourcing) ที่คำนึงถึงจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ สิทธิมนุษยชน สวัสดิภาพสัตว์ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร นอกจากจะต้องมีคุณภาพสูง ทำจากวัตถุดิบที่ดี มีรสชาติอร่อย มีราคาที่เอื้อมถึงได้แล้ว จะต้องดีต่อสุขภาพอีกด้วย”

“นโยบายด้านความยั่งยืนของเรายังให้ความสำคัญกับการดูแลเพื่อนพนักงานของเราเอง ในฐานะองค์กรที่มีการจ้างงานพนักงานเกือบ 50,000 ตำแหน่ง เทสโก้ โลตัส ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้พนักงานได้ก้าวสู่จุดหมายของชีวิต ซึ่งรวมทั้งโอกาสในความก้าวหน้าทางอาชีพ การพัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน นอกเหนือจากค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ปัจจุบันพนักงานในสาขา 80-90% เป็นคนในท้องถิ่น นอกจากพนักงานประจำแล้ว เรายังมีนโยบายจ้างงานพื่อสนับสนุนโครงสร้างสังคมไทย อาทิ การจ้างงานผู้เกษียณอายุในโครงการ 60 ยังแจ๋ว การจ้างงานนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น”

“ในด้านชุมชน เราเน้นการมอบอาหารคุณภาพสูงให้ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งรวมทั้ง ‘โครงการอาหารดีพี่ให้น้อง’ ที่มอบอาหารกลางวันเปี่ยมคุณค่าโภชนาการให้เด็กนักเรียน 77 โรงเรียน ใน 77 จังหวัด และบริจาคอาหารที่ยังทานได้แต่จำหน่ายไม่หมดจากไฮเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ อีกด้วย”

“ในด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะเป็นปัญหาที่เร่งด่วน เทสโก้ โลตัส ได้มุ่งลดขยะพลาสติกและเป็นผู้นำด้านการลดขยะอาหาร โดยเป็นค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยที่รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 และได้เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการลดใช้ถุงพลาสติกมาโดยตลอด เช่น งดใช้ถุงพลาสติกเมื่อลูกค้าซื้อสินค้า 1-2 ชิ้น ในร้านค้าขนาดเล็กทั้ง 1,800 แห่งทั่วประเทศ และภายในสิ้นปี พ.ศ. 2562 เราจะเลิกใช้หลอดพลาสติกทั้งหมด นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ได้เลิกใช้ถาดโฟมทั้งหมดในธุรกิจตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ภายใต้แผนงาน The Little Helps Plan ได้มีการกำหนดเป้าหมายทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลและรายงานความคืบหน้าในตัวชี้วัด (KPI) ทุกปีโดยกลุ่มเทสโก้ สำหรับแผนงานของเทสโก้ โลตัส ในระยะสั้น มุ่งเน้นในเรื่องห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ และเรื่องบรรจุภัณฑ์และการใช้พลาสติก เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีความเร่งด่วนสำหรับสังคมไทย

“ความมุ่งมั่นของเราคือการเป็นผู้นาในด้านความยั่งยืนของวงการค้าปลีกในประเทศไทย เราจะขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราในทุกๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่าใด เราจะต้องปฏิบัติงานบนพื้นฐานของความยั่งยืน เทสโก้ โลตัส เชื่อมั่นว่าความพยายามในการขับเคลื่อนในด้านต่างๆ จะขยายผลด้วยการไปเชื่อมโยงกับองค์กรอื่นและภาครัฐ ซึ่งจะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เพราะเราเชื่อว่า ความใส่ใจแม้เพียงเล็กน้อย ก็สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป