กลายเป็นกระแสขับเคลื่อนให้หลายภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือกันในสถานการณ์น้ำที่ยังน่าเป็นห่วง ก็มิวายเกิดดราม่าต่างๆ นานา ทั้งเรื่องความโปร่งใสและกระบวนการรับบริจาคเพราะว่ายอดเงินสูงลิ่วทะลุ 300 ล้านแล้ว ก่อนที่ตามมาด้วยดราม่าการนำเงินไปร่วมกับรัฐบาล
ล่าสุด พี่ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ฝาแฝดผู้น้องของ พี่บิณฑ์ ได้มาร่วมงานฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ดาราเดลี่ ได้พูดถึงเรื่องนี้ พร้อมกับยืนยันว่า เงินบริจาคที่ประชาชนร่วมโอนเข้ามาที่บัญชีของ พี่บิณฑ์ นั้น เงินถึงชาวบ้านแน่นอน
“งานนี้เรามาโดยเฉพาะ เพราะว่า พี่นก บริพัน แจ้งเราว่ามีงานนี้วันเกิดของ ดาราเดลี่ ก็มีหลายๆ องค์กร หลายๆ ท่านอยากจะทำบุญร่วมกับเราช่วยเหลือพี่น้องจังหวัดอุบลฯ เราก็อยากจะมาทั้งสองคน
พี่บิณฑ์ ก็อยากมารับทั้งสองคน แต่ชาวบ้านเราปล่อยให้เขารอไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องการเงิน พี่บิณฑ์ ก็ต้องอยู่ที่นั่นไปก่อน ผมบินมางานนี้โดยเฉพาะแล้วเดี๋ยวเสร็จพรุ่งนี้ก็จะบินกลับไปที่อุบลราชธานีเหมือนเดิม
ตอนนี้เราก็เหมือนแยกกันไป เพราะว่าต้องรีบเร่งให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด วันก่อน ทับทิม ก็ไปแจกเงินครอบครัวละ 5,000 เกือบ 500 ครอบครัว เราก็กระจายกันออกไปในแต่ละอำเภอ ต้องกระจายกันออกไป
เพราะไม่งั้นสิ้นปีนี้ผมก็ว่าไม่เสร็จเราต้องมาฟื้นฟูเรื่องเกี่ยวกับ โรงพยาบาล วัด โรงเรียน ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนนี้เงินประมาณ 350 ล้านบาท การบริหารจัดการให้ผู้เดือดร้อนได้รับทั้งหมด เราก็ให้ประชาชนได้รับก่อนเงินที่เหลือเราค่อยเอามาเฉลี่ยให้โรงพยาบาล วัด โรงเรียนที่จะต้องซ่อมแซม
สิ่งที่ขาดแคลนตอนนี้ก็คือสตางค์ ตอนนี้รถติดมาก โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์เพราะว่าขนของไปให้ตามสถานที่ต่างๆ เพราะว่าเขาคิดว่าจะต้องขาดแคลนข้าวสารอาหารแห้ง
แต่จริงๆ แล้ว ผู้พักพิงเขาจะมีโรงครัวคอยทำอาหารให้ทุก 3 มื้ออยู่แล้ว ข้าวสารอาหารแห้งตอนนี้ก็ไปกองอัดหมดเลย แล้วพอโดนความชื้นของต่างๆ ก็เสียหาย อย่างข้าวก็เป็นรา ของต่างๆ ที่เอาไปให้ก็ใช้ไม่ได้ เสียดายมาก
สู้ช่วยรวบรวมสตางค์เพื่อเอาไปใช้จ่ายได้ เขาต้องการเงินมากที่สุด พอรถข้าวสารอาหารแห้งมาเขาก็เฉยๆ แล้ว เขาต้องการเงิน
ส่วนปัญหาเรื่องการตกหล่น เราได้รับความอนุเคราะห์จากท่านนายอำเภอ ผู้ว่าราชการ อบต. นายกอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่จะเอาสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนที่เขามาลงทะเบียนไว้ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกจังหวัดว่าเขาได้รับผลกระทบครั้งนี้
แต่ที่ คุณบิณฑ์ ประกาศว่าจะให้ 5,000 บาททุกครอบครัว หลังจากที่คุณบิณฑ์ประกาศแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะรับ เพราะน้ำท่วมมานานแล้ว เราก็มีกังวลว่าชาวบ้านที่ไม่ได้ผลกระทบจริงๆ ก็จะแห่มาลงทะเบียนกัน เราก็เลยต้องเช็กเรื่องวันที่ในการลงทะเบียนว่าน้ำท่วมเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคนมาลงทะเบียนเพื่อรับของช่วยเหลือจากอุทกภัยกี่ครัวเรือน
เราเอาจากตรงนั้นมา จากที่คุณบิณฑ์ประกาศ ถ้ามาก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ ที่เห็นแจกทุกวันเรามีการทำงานเยอะมาก นอนตี 2-3 ทุกคืน เพราะต้องเรียกหน่วยงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาประชุมแล้วก็มอบนโยบายให้เขาไปทำการบ้านมา เพราะเราต้องการให้คนที่เดือดร้อนจริงๆ ได้รับการช่วยเหลือ
ทีนี้มีคำถามว่า แล้วคนที่น้ำท่วมทั้งหมดบางคนเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ เป็นเจ้าของบ้านในทะเบียนราษฎร แต่ผู้อยู่อาศัยมาเช่าบ้านอยู่เป็นเดือนๆ ปีๆ แต่เขาไม่ได้รับสิทธิเพราะว่าเขาไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน
เจ้าของบ้านที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนก็เอามารับเงิน ทีนี้มันต้องคุยอีกนอกรอบว่าใครที่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน แต่เป็นผู้เช่า เลยต้องตกลงกันว่าเจ้าของบ้านมารับ แต่ต้องให้ผู้เช่าที่เสียหาย มันมีปัญหาเยอะแยะมากมาย
เรื่องแอบอ้างก็ไม่น่าจะมีเยอะ แต่ก็มีที่ ทับทิม เจอเหตุการณ์ว่า เขาบอกว่าไม่ได้รับเงินหลังจากที่ยื่นบัตรมา ก็เลยเป็นปัญหา เขาร้องไห้ ไม่ได้เงิน ทับทิมก็แน่ใจว่าให้ทุกคน ก็เลยเช็กยอดเงินที่บริจาคไปว่าเท่าไร 150 ครอบครัว 5,000 บาท ว่าเงินตรงกันไหมก็ปรากฏว่าเงินเกิน 5,000 จริง”
