เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ในฤดูหนาวแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางผจญภัยไปยังที่ต่างๆ ทั่วเมืองไทย โดยส่วนมากจะเป็นการเที่ยวภูเขา เที่ยวดอย และมีอยู่สถานที่หนึ่ง ที่เป็นเหมือนไอคอนหลักในการเที่ยวหน้าหนาว เพราะมีทั้งการเดินเท้าขึ้นเขา สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ประกอบกับเขาบนยอดเขามีจุดชมวิวทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์อันเลื่องชื่อ มีน้ำตกและแมกไม้นานาพรรณ ที่แห่งนั้นก็คือ “ภูกระดึง” สำหรับปีนี้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปล่าทะเลหมอก ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2562

ว่ากันว่าหากอยากพิสูจน์รักแท้ให้พาคนที่เรารักไปร่วมพิสูจน์รักด้วยการเดินทางพิชิตยอดภูของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง และถ้าหากเขาคนนั้นสามารถร่วมเดินทางไปกับคุณจนกระทั่งถึงยอดดอย และคอยช่วยเหลือดูแลกันและกันเป็นอย่างดีแล้วละก็ เขาก็คือรักแท้ของเราเป็นแน่แท้ !!!

นี่คือตำนานคำกล่าวขานที่มักได้ยินเสมอ ๆ เมื่อเอ่ยถึง “ภูกระดึง” หรือ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการที่เราจะขึ้นไปถึงยอดดอยได้ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร คือขึ้นเขา 5 กิโลเมตร บวกทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร (โห…ไหวไหมเนี่ย) ซึ่งนอกจากจะมีคู่รักไปพิสูจน์รักแท้แล้ว ภูกระดึงมักจะได้รับความนิยมในการไปแบบกลุ่มเพื่อน ๆ อีกด้วยและทุกคนที่ได้ไปสัมผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนเดินเหนื่อยมาก ๆ แต่พอได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติข้างบนภูกระดึงแล้วคุ้มค่าสุด ๆ
มีเสียงการันตีความท้าทาย ผจญภัย และน่าไปสัมผัสแบบนี้คงอดใจไม่ได้แล้วที่จะไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภูกระดึง เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักอุทยานแห่งนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ภูกระดึง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร จากระดับน้ำทะเล
สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาพรรณ พันธุ์สัตว์ป่านานาชนิด หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีบนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต
 สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ทางอุทยานจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานจะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้นอาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย
 เส้นทางขึ้นบนยอดภูกระดึงจะต้องเดินเท้าวัดใจผ่านไล่เรียงไปตั้งแต่ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน ซำแคร่ และช่วงสุดท้ายที่จะผ่านขึ้นไปยังหลังแป เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุด เพราะจะต้องปีนป่ายขึ้นโขดหินและต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน แต่ถ้าใครเหนื่อยก็นั่งลงแวะพักดื่มน้ำหาของกินกันได้ มีร้านค้าประจำอยู่ทุกซำ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกิน
อย่างไรก็ตามอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายน ของทุกปีเช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน

สถานที่ท่องเที่ยวภูกระดึง

          ผานกแอ่น ลานหินเล็ก ๆ มีสนต้นหนึ่งขึ้นโดดเด่นอยู่ริมหน้าผา เป็นจุดท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สำคัญอยู่ห่างจากที่พักศูนย์วังกวางเพียง 2 กิโลเมตร ในทุกเช้าของหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันมาก และมักจะมีการชิงทำเลดี ๆ เสมอ สมัยนี้ทางไปมักมีช้างอาละวาด ตอนเช้าจะต้องไปพร้อมเจ้าหน้าที่ ห้ามไปเองเป็นอันขาด

นอกจากนั้นหากอากาศดีพอในช่วงเวลาที่เดินเท้าฝ่าความมืดมาชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับเวลาที่พระจันทร์กำลังจะลับขอบฟ้า ด้านตะวันตกนั้นจะได้เห็นภาพสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ ซึ่งจะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน และใครที่อยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้วย
 ผาหล่มสัก ถ้าไม่ไปชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็เหมือนไม่ได้ไปเยือนภูกระดึง หลายคนถึงกับออกปากไว้แบบนั้น ตัวผาหล่มสักอยู่ห่างจากผาแดง 2.5 กิโลเมตร หากเดินมาจากแยกศูนย์โทรคมนาคมกองทัพอากาศ บนเส้นทางน้ำตก แต่ถ้าเดินจากที่พักศูนย์วังกวางจะมีระยะประมาณ 9 กิโลเมตร หากจะไปต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะขากลับจะมืดกลางทางอย่างแน่นอน ด้วยลักษณะแผ่นหินแปลกตากับโค้งกิ่งสนที่รองรับกันพอดิบพอดีเช่นนี้ นักท่องเที่ยวจึงนิยมจะใช้เป็นจุดชมวิวดูดวงอาทิตย์ตกดิน และน่าจะถือได้ว่าเป็นภาพที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
แนะนำสักนิดสำหรับผู้ที่จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งถ้าเดินเท้าอาจกินเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่นักท่องเที่ยวสามารถย่นระยะเวลาได้ ด้วยการเช่ารถจักรยานจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการประหวัดเวลาการเดินทาง
ผาหมากดูก อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2.5 กิโลเมตร เป็นผาที่มีลานหินกว้างขวาง และเป็นผาสำหรับชมพระอาทิตย์ตกที่ใกล้ที่พักมากที่สุด สามารถชมทิวทัศน์ภูผาจิตในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ในช่วงต้นฤดูฝนจะมีดอกกระเจียวขึ้นเต็มทุ่งตามเส้นทางสู่ผาหมากดูก
 ผาเหยียบเมฆ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างผาหมากดูดและผาหล่มสัก มีลักษณะเป็นลานหินกว้างสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ในระยะไกล
  ผาแดง หน้าผาหินทรายตัดตรงและมีก้อนหินเรียงราย บริเวณโดยรอบเป็นป่าสน เหมะสำหรับไปนั่งชมวิวถ่ายรูปเพลิน ๆ
น้ำตกวังกวาง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่ใกล้ที่พักศูนย์วังกวางมากที่สุด โดยมีระยะทางห่างแค่ราว 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ห้วยเล็ก ๆ ที่โอบล้อมที่พักอีกด้านจะไหลลงน้ำตกที่นี่ วังกวางเป็นน้ำตกเล็ก ๆ ชั้นที่สูงสุดจะสูงประมาณ 7 เมตร ด้านข้างของน้ำตกมีทางแคบ ๆ สำหรับปีนลงไปทีละคน จะพบหลืบหินมีลักษณะคล้ายถ้ำใต้น้ำตก น้ำตกวังกวางจะมีความสวยงามมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ส่วนในฤดูท่องเที่ยวซึ่งเป็นฤดูแล้ง ปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมได้ง่ายใกล้ที่พัก
น้ำตกถ้ำสอเหนือ อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 4.8 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูง 10 เมตร น้ำไหลมาจากผาเป็นม่านน้ำตก บริเวณเหนือน้ำตกมีดงกุหลาบแดง ซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะผลิดอกสร้างสีสันให้กับบริเวณนี้ให้สวยงามยิ่งขึ้น
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกไหลผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาวใบเมเปิลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำ ยามแดดสาดส่องผ่านลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ “น้ำตกโผนพบ” ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมเปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกในต่างประเทศ
สระอโนดาต อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2.7 กิโลเมตร เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่นักที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ใกล้กันยังมีลานกินรี ซึ่งเป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ ทั้งพวกกินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิร์น เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึ้นอยู่เต็มไปหมดด้วย
นอกจากที่เอ่ยมาแล้ว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกรัตนา น้ำตกพระองค์ น้ำตกธารสวรรค์ ผาแดง ผาส่องโลก ผานาน้อย ผาจำศีล สวนสีดา ลานกินรี ลานวัดพระแก้ว และอีกมากมายบรรยายกันไม่หมด ดังนั้นใครที่ชอบเดินป่า ปีนเขา และสัมผัสธรรมชาติแบบถึงเนื้อถึงตัว ภูกระดึง…คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้

การเดินทาง

          รถโดยสารประจำทาง : โดยสารรถยนต์จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ผานกเค้า ซึ่งเป็นเขตต่อแดนระหว่างชุมแพ-ภูกระดึง แล้วโดยสารรถประจำทาง (รถสองแถว)ไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึง ควรใช้รถประจำทางหรือหากนักท่องเที่ยวใช้รถประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ลงที่ชุมแพ และต่อรถสายขอนแก่น-เลย ไปลงที่ตลาดอำเภอภูกระดึง ซึ่งจะมีรถสองแถวต่อถึงไปอุทยาน

          หมายเหตุ รถสองแถวแดงที่รับจ้างนำนักท่องเที่ยวส่งระหว่างจุดจอดรถที่ผานกเค้ามาที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง คำแนะนำคือถ้าเราไปไม่กี่คนให้รวมทีมกับกรุ๊ปอื่นจะได้เฉลี่ยค่าสองแถว ไม่ต้องเหมารถให้เปลืองสตางค์

          รถไฟ : จากกรุงเทพมหานครโดยสารรถไฟไปลงที่ขอนแก่น จากนั้นโดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยังหน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถว หรือเดินทางต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นยอดภูอีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึง “หลังแป” แล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พัก บนยอดภูกระดึงทางอุทยาน ได้จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม

          รถส่วนตัว : เดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ดังนี้

          1. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

          2. ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่น เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่านและตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

          3. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

          มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทั้งบนยอดภูกระดึงและบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.00-16.30 น. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 042 810 833, 042 810 834

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

          บริเวณที่ทำการอุทยานมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ (คนไทย) คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ (ต่างชาติ) 100 บาท เด็ก 200 บาท และบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 30 บาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์และบ้านพักได้ที่ที่ทำการอุทยาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 4281 0833 และ 0 4281 0834

          **หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

ท้ายสุดฝากไว้สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติบนภูกระดึง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน จึงจะเที่ยวชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดให้เที่ยวบนยอดภูกระดึงได้เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ช่วงระหว่างมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปีทางอุทยานจะปิดเพื่อปรับสภาพธรรมชาติ ให้ฟื้นตัวและปรับปรุงสถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ฉะนั้นเช็กก่อนออกเดินทางกันด้วยล่ะ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วบรรดาแบ็คแพ็กเกอร์ทั้งหลายก็เตรียมแพ็กกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันได้เลย

          การเที่ยวภูกระดึงอย่างมีจิตสำนึกจะเป็นหนึ่งหนทางรักษาความสวยงามของภูกระดึงได้อย่างยั่งยืนที่สุด นักท่องเที่ยวจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ทิ้งขยะในที่ที่จัดไว้ให้ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่า ไม่แกะสลักชื่อหรือขูดขีดร่องรอยไว้ที่ต้นไม้ ก้อนหิน หรือหน้าผา