จากกรณีคุณป้าโพสต์ตามหาหลานวัย 18 วัน หรือน้องไอแอล ซึ่งระบุว่าหายตัวไปจากบ้านพักเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่ามีคนเข้ามาอุ้มตัวน้องไปเนื่องจากช่วงเวลาที่หายไปนั้นน้องไอแอลอยู่กับคุณแม่ ซึ่งอ้างว่าคลาดสายตาไปเข้าห้องน้ำ กลับมาลูกก็ไม่อยู่แล้ว
ทว่าเมื่อเช้าวันที่ 30 ก.ย. 62 เจ้าหน้าที่ได้พบกับร่างของน้องไอแอล บริเวณห้องน้ำของบ้านที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ลักษณะเหมือนนำมาจากที่อื่นแล้วนำมาวางทิ้งไว้ คาดว่าน่านะมีคนนำมาวางคืนที่เดิมกับบ้านที่เกิดเหตุโดยคุณตาของน้องไอแอล เป็นคนเจอร่างของน้องไอแอล ประมาณ 6 โมงกว่าๆ ต่อมาเค้นสอบจนแม่แท้ๆรับสารภาพว่าเป็นผู้ซ่อนศพลูกน้อยเอาไว้เนื่องจากตกใจที่ลูกไม่หายใจ โดยซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า แต่เริ่มส่งกลิ่นจึงได้นำไปไว้ในจุดที่พบร่าง
โดยเธอเล่าว่าระหว่างให้นมลูกได้เอาผ้าอ้อมวางหนุนบนหน้าอกของน้องไอแอล และใช้ขวดนมวางทับ เพื่อให้น้ำนมไหลลง ในขณะเดียวกันแม่ของน้องไอแอลก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย จนเป็นเหตุทำให้น้องไอแอลสำลัก จนขาดอากาศหายใจ ด้วยความที่กลัวความผิด
เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 3 ข้อหาหนัก 3 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และซ่อนเร้นอำพรางศพ และได้นำตัวแม่ใจร้ายเข้าห้องขัง
ด้านครอบครัวของน้องไอแอล ได้เชิญนายลิชู ชาวนา หมอผีประจำหมู่บ้าน มาทำพิธีสะกดวิญญาณ ซึ่งหมอผีเล่าว่าตามความเชื่อโบราณเชื่อกันว่าหากไม่ทำพิธีสะกดวิญญาณไว้ จะทำให้วิญญาณออกมาเร่ร่อนและจะก่อกวนคนในบ้านให้อยู่กันแบบไม่สงบสุข
เริ่มจากขึ้นไปด้านบนบ้านชั้น 2 บริเวณตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นจุดที่ซ่อนศพน้องไอแอล และพ่อหมอได้ใช้ค้อนตอกตะปูเข้าไปที่ตู้ทั้งหมด 4 จุด จากนั้นได้เดินไปด้านหลังบริเวณห้องซึ่งเป็นจุดที่พบศพน้องไอแอล และใช้ค้อนตอกตะปูเข้าไปที่หินจุดที่น้องนอนหงาย 2 จุด ก่อนจะเอาร่างของใส่โรงและทำพิธีสะกดวิญญาณ จากนั้นก็เดินแห่ไปที่วัดห้วยติ่ง เพื่อไปทำพิธีฝังหลอก 7 ปี แล้วก็ทำพิธีเผาร่างของน้องไอแอล
ล่าสุดเกิดเรื่องหลอน กลุ่มแม่บ้านที่ไปทำอาหารให้กับทางวัดเล่า เมื่อคืนหลังเผาน้องขณะที่ไปอาบน้ำที่ใต้กุฎิหลวงพ่อ จู่ๆได้กลิ่นเหม็นเน่าทั้งที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน จนกระทั่งตี 3 ตนได้ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำอีกก็ยังได้กลิ่น วันรุ่งขึ้นจึงไปถามหลวงพ่อว่ามีอะไรมาตายใกล้ๆกุฏิหรือเปล่าเพราะได้กินเหม็น หลวงพ่อบอกว่าคงจะเป็นน้องไอแอล เพราะหลวงพ่อเรียกให้น้องมาอยู่ด้วย น้องกลับบ้านไม่ได้เพราะที่บ้านน้องมีเด็กเยอะแล้ว
พวกตนรู้สึกขนลุกหนักและเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นเพราะว่ากันว่าเด็กทารกที่ตายจะเฮี้ยนมาก
