เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับ ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล ล่าสุด ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ จอมขมังเวทย์ เจ้าตัวออกมาเปิดใจเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัวและเตรียมพร้อมเดินหน้าแคสติ้งงานต่างประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายในชีวิตของตนเอง โชคดีแฟน โบว์ เบญจวรรณ เข้าใจหลังไม่มีเวลาให้

เรื่องสัญญาช่องหมดหรือยัง?

“อ๋อหมดแล้วครับ หมดไปปีกว่าๆ ได้แล้ว ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว คือจริงๆที่ผมไม่ได้ไปต่างประเทศเพราะมีสัญญาในการทำงานอยู่ เพราะฉะนั้นพอเมื่อเราหมดสัญญาช่องแล้ว การดำเนินชีวิตจริงๆ ผมจะแวบไปไหนมาไหนตลอดเวลา และเราไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะการแวบไปไหนมาไหนของเรา บางทีเราไปเรียนคลาสที่เมืองนอก บางคลาสเราเรียน 30 วัน 40 วัน  มันใช้เวลา แล้วไม่มีใครยอมให้งานมันเสียเวลาเพราะเราขนาดนั้นหรอก”

ที่ตัดสินใจเป็นอิสระเพราะเรามีการทำงานต่างประเทศด้วยใช่ไหม?

“คือโดยส่วนตัวผมในฐานะนักแสดง ผมอาจจะมีเป้าหมายไม่เหมือนคนอื่น ของผมคือทำงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะเป็นไปได้ ซึ่งงานในเมืองไทยก็ทำแล้ว ก็อยากไปร่วมงานต่างประเทศบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มมีเอเจนซี่แล้ว ถามว่ามีงานเยอะไหม ก็มีครับ มีทั้งติดต่อเข้ามาและไปแคสติ้งด้วย เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้น ตอนนี้ยังไม่มีเซ็นสัญญาอะไรเป็นที่เรียบร้อยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นการพูดคุยกัน ทาบทามกัน ผมก็รวบรวมโปรไฟล์ที่มีทั้งหมดไป จุดประสงค์ผมเพื่อทำงาน แล้วเอเจนที่เราติดต่อก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ก็เป็นของประเทศอเมริกัน”

อะไรที่ทำให้เราสนใจไปร่วมงานที่ต่างประเทศ?

“บทนั่นแหละ อะไรที่เราไม่ได้ทำที่นี่ เราก็อยากทำ ก็เป็นด้านการแสดงโดยเฉพาะเลยครับ ซึ่งผมทำอาชีพนี้เป็นหลักเลย”

การแข่งขันอย่างไร?

“ผมไม่ได้สนใจเรื่องของการแข่งขันนะ ถ้าเราเอาตัวเองไปอยู่กับการแข่งขันเราจะเครียด ผมแค่จดจ่อเป็นสิ่งๆไป งานที่ผมได้รับมอบหมายผมก็ทำเต็มที่ไม่ว่าจะงานไทยงานเทศเราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว จดจ่อเป็นเรื่องๆ ไป ใครจะคิดเรื่องแข่งขันก็เรื่องของเขา”

ไปแคสแล้วโดนปฏิเสธเยอะไหม?

“ธรรมชาติของนักแสดงทั่วโลกมันก็ต้องแคสติ้ง ก็อาจจะมีประเทศเราประเทศเดียวที่ไม่ค่อยแคสกัน ก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร แต่การแคสมันเป็นเรื่องปกติของนักแสดง ซึ่งจะได้หรือไม่ได้มันมีหลายปัจจัยครับ”

ต้องเตรียมตัวหนักไหมกับการไปแคสงานต่างประเทศ?

“เตรียมตัวครับ เพราะต่างประเทศเขาไม่ได้รับคนเพราะว่าเราเป็นใคร เขารับว่าเราทำอะไรให้เขาได้”

ต้องฟิตหุ่นเป็นพิเศษ ให้ตัวเท่าต่างชาติไหม?

“ก็ไม่ต้องฟิตหุ่นครับ ตอนนี้ก็น้ำหนักลง”

บทที่อยากเล่นแล้วไม่ได้ มีวิธีจัดการความรู้สึกผิดหวังของตัวเองยังไง?

“ผมไม่ซีเรียสขนาดนั้นนะ เหมือนผมปลูกต้นส้มไว้ ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกต้นมันจะต้องออกผลเท่ากันหมด ไม่ได้ซีเรียส”

กับค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองในการไปแคสงานต่างประเทศ?

“ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี เพราะว่าเรายังไม่ได้มีเงินเยอะเป็นถังถึงขนาดอยู่สบายไปตลอดชาติ เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารจัดการเงินให้ดี รู้ว่าช่วงไหนไปได้ ช่วงไหนควรจะอยู่นิ่งๆ เก็บตัวอยู่ในถ้ำ เวลาเดินทางไปแคสผมจ่ายเองหมดครับ”

หมดเงินไปเยอะแค่ไหน?

“คือตอนนี้ผมจะเลือกแคสเฉพาะงานที่มันอยู่ในโซนเอเชียก่อน คืองานที่มันวิ่งเข้ามาในไทยเราก็จะไปคุย แล้วจะมีคนที่เป็นที่ปรึกษาที่เป็นคนอเมริกัน ก็จะดูให้กันว่าได้หรือไม่ได้ยังไงโอเคไหม”

ความฝันอยากเล่นแบบไหน หรือร่วมงานกับใครเป็นพิเศษ?

“ความฝันสูงสุดของผม ผมมีเป้าไว้แล้วว่าอยากเล่นเรื่องอะไรบ้าง ผมชอบหนังอินเดีย ผมชอบ อาเมียร์ ข่าน เป็นนักแสดงที่ผมชอบเพราะว่าหนังเขามีคุณค่าทางความคิด มากกว่าที่จะเป็นแค่ความบันเทิง อยากพูดคุยกับเขามากกว่าว่าเขามีแรงบันดาลใจในการทำหนังยังไง ผมไม่ได้ดูหนังแล้วร้องไห้นานมาก จนมาดูหนังของอาเมียร์ ข่าน หนังมันดูแล้วอิ่ม ไม่ได้ดูแล้วแบบอะไรวะ เรื่องอะไรวะ (ได้มีโอกาสไปลองแคสของเขาหรือยัง?) ยังเลยครับ ห่างไกลเหลือเกิน (หัวเราะ)”

แล้วงานละครที่ไทย ยังรับอยู่ไหม?

“มีครับ มีของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เรื่องลายกินรี ส่วนงานแคสต่างประเทศ เราก็ไม่ได้ไปเรื่อยๆ นะ ไปแบบเจาะจง เราเลือกอยู่ เพราะว่ามันไม่ใช่ทุกโปรเจกต์จะเวิร์ก มันก็ต้องเลือกสิ่งที่เราได้ใช้ศักยภาพด้วย ถ้าอันไหนเราไม่ได้ใช้ศักยภาพ เราก็บ๊ายบาย”

มีลุ้นบ้างไหม?

“ผมลุ้นขี้แตกเลยครับ (หัวเราะ) ผมอยากจะเล่นใจจะขาด”

เรากลัวว่าจะโดนกระแสดราม่าไหม พอเป็นอิสระ ไม่ยอมอยู่ค่ายเดิม?

“ผมว่าถ้าคนจะดราม่า คงเพราะเขาไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าเขาฟังเหตุผลแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีใครดราม่าหรอก เหตุผลของผม คือการเป็นอยู่ของผม ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป ผมไปอยู่ที่นั่นที ไปอยู่นี่ที 1-2 เดือน ผมศึกษาเรื่องหนึ่ง ผมเอาจริง ลงพื้นที่อยู่กับมัน แล้วการเป็นคนแบบนี้ให้งานที่แขวนไว้กับเรา สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ เราก็ไม่อยากให้ใครมาเสียงานเพราะเราดำเนินชีวิตแบบนี้ นี่เลยเป็นทางเลือกที่ว่าทำไม ถึงเลือกช่องทางนี้”

โบว์เข้าใจไหม?

“เขาเข้าใจครับ นี่ไม่ได้เจอกันเดือนหนึ่งแล้ว ก็เพิ่งแว้บมาเจอกันเมื่อกี้ อย่างเดือนนี้ผมถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง ยังไม่ได้พักเลยจนวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไปทำงานต่อ ไม่ได้พักเลยสักวัน ผมทำงานอย่างเดียวเลย ก็โชคดีที่เขาเข้าใจ โชคดีที่เขาไม่งอน”

เขามีงอแง ขออะไรเป็นพิเศษไหม?

“มีบ้างนิดหน่อย เป็นปกติครับ (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นอุปสรรคกับคู่เราครับ เดี๋ยวนี้มีเฟซไทม์แล้ว ตามได้ เขาชินกับวิถีชีวิตของเราแล้วครับ ถ้าช่วงไหนผมรับบทเยอะๆ เขาก็คงประสาทกินเหมือนกัน เพราะว่าออกจากบ้านผมก็เป็นอีกคนหนึ่ง อยู่บ้านผมจะเซ็ตไว้ เข้าห้องนี้ผมเป็นใคร ลงมากินข้าวผมเป็นใคร”

เวลาอินกับละคร มีเข้าไปพบจิตแพทย์ไหม?

“ไม่ครับๆ ผมมีกระบวนการทำงานที่แยกออก การที่ผมทำตัวแบบนั้น เพื่อที่ผมจะเป็นตัวละครได้ แต่เข้าไวออกไวบางทีก็พูดช้าๆ บางทีก็พูดไวไว แต่เราจะไม่เอาออกมาทั้งหมด เราแค่ให้กลิ่นตัวละครอยู่ในเรา แต่ไม่มีเผลอหลุดออกมาใช้กับคนรอบตัว ถ้าจะใช้ก็ใช้อันที่น่ารัก(ยิ้ม)”

เวลาจมกับตัวละคร สลัดออกยังไง?

“ถ้าจมลึก แสดงว่าอาจไม่เข้าใจกระบวนการของการเป็นตัวละคร เพราะเราไม่ใช่ตัวละครอยู่แล้วตั้งแต่ต้นเราเอาวัตถุดิบของตัวละครมาทำร้ายเรา แสดงว่าเราไม่เข้าใจกระบวนการหรือเปล่า เราต้องตั้งคำถามนี้ด้วย ถ้าเราเข้าใจกระบวนการที่จะปล่อยให้ตัวละครเข้ามาอยู่ในเรา ก็ต้องเข้าใจการที่ปล่อยออกมาด้วยครับ”

กระบวนการที่ว่ามีขั้นตอนยังไง?

“ข้อหนึ่งต้องทำงานหนัก อ่านบทเป็นร้อยๆครั้ง จนกว่าจะเข้าใจว่าเป็นตัวละคร ไม่ใช่ฉัน เหมือนเราพยายามเลียนแบบเพื่อนเราคนหนึ่ง สมมติเพื่อนคนนี้เป็นคนชอบจีบปากจีบคอ เราสามารถเลียนแบบเขาได้ทันที แล้วก็ไม่ติดไปตลอดเท่านั้นเอง”