เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ต่าย เพ็ญพักตร์ นักแสดงรุ่นใหญ่มากความสามารถ ได้โพสต์ภาพและข้อความลงอินสตาแกรม เป็นภาพเมรุเผาศพสีขาวดำ ภายหลังจากที่ต่ายได้สูญเสียลูกชายคนเดียว โตน รามบุตร ไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่โตนป่วยด้วยโรคมะเร็ง

ก่อนหน้านี้ลูกชายเธอป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งกว่าจะตรวจพบและรักษาตัว ก็ตอนที่รู้ว่าเป็นขั้นที่ 4 แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาของการรักษา ต่าย เพ็ญพักตร์ ได้ทำหน้าที่ดูแลลูกชายคนเดียวของเธออย่างใกล้ชิดมาตลอด ในชีวิตนี้มีกันแค่สองคนแม่ลูก เพราะตัวเธอเองก็ใช้ชีวิตโสดมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ตราบจนสิ้นลมหายใจสุดท้ายของลูกชาย เธอยังคงทำหน้าที่คุณแม่ได้อย่างงดงามและเข้มแข็งมาก

จะเป็นคู่แม่ลูกที่ไม่ค่อยมีโอกาสและเวลาได้ใกล้ชิดกันสักเท่าไหร่ เพราะด้วยภาระหน้าที่การงานของทั้งคู่ ที่มีเวลาว่างไม่ตรงกัน แต่สายใยความรักความผูกพันไม่เคยจางหาย โดยเฉพาะในบทสัมภาษณ์บางส่วนที่พวกเขาเล่าไว้ในนิตยสารแพรว ฉบับสิงหาคม ปี 2553 ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ ‘โตน’ ยอมออกสื่อคู่กับแม่ต่าย ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวน่าประทับใจของแม่-ลูกคู่นี้ไม่น้อย

โดยเธอเล่าถึงลูกชายไว้ว่า “ต้องยอมรับว่าช่วงที่โตนเด็กๆ ต่ายบกพร่องต่อหน้าที่แม่ไปบ้าง เพราะต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะช่วงที่เขาอายุ 6-7 ขวบ ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ไม่ไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเหมือนแม่ของเพื่อนๆ ต่ายจึงใช้วิธีพาเขาไปดูว่าแม่ต้องทำงานหนักอย่างไร ถ้าให้แม่อยู่กับโตนตลอดเวลา เราจะไม่มีเงิน  พอเขาเห็นอย่างนี้แล้ว ต่ายแทบไม่ต้องทำความเข้าใจกับเขาเรื่องการทำงานอีกเลย เพราะเขารู้ว่าแม่เต็มที่เสมอกับการทำงาน”

อีกฝ่ายจึงบอกว่า “ทุกวันนี้ทั้งผมและแม่ เคยชินกับการไม่ได้เจอกัน ไม่มีอะไรจุ๊กจิ๊กๆ เหมือนแม่ลูกคู่อื่น ไม่ค่อยมีโอกาสพิเศษ นอกจากไปกินข้าวด้วยกันเดือนละครั้ง หรือไปเดินช็อปปิ้งกันบ้าง

ฝ่ายคุณแม่จึงเล่าว่า เวลาเดินด้วยกัน ต่ายจะควงแขนเขาตลอด ซึ่งถ้าดูภายนอกอาจไม่ค่อยเหมือนแม่ลูกกันเท่าไหร่ จนมักมีเสียงพูดตามหลังมาว่า…ดูเพ็ญพักตร์สิ มาเดินช็อปปิ้งกับเด็ก คงเพราะคนลืมไปแล้วว่าต่ายมีลูก มีหนหนึ่งไปเจอเพื่อนโตนที่เป็นฝรั่ง พอเขาเห็นต่าย จึงถามโตนว่า…นี่แฟนยูเหรอ โตนบอกว่าเป็นแม่ แต่เขาไม่ยอมเชื่อ

“ส่วนเรื่องที่เราต้องคุยกันตลอด คือ เมื่อมีผู้ชายมาจีบแม่ ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชาย ก็จะช่วยดู เหมือนเวลามีสาวๆ เข้ามาในชีวิตเขา ต่ายก็ช่วยดูเหมือนกัน ยังบอกให้พามาที่บ้าน จะได้ให้คำปรึกษา แต่ถึงที่สุดแล้ว ลูกเรารักใคร เราก็รักด้วย แต่จะเตือนเขาตลอดเวลาว่า อย่ามีแฟนทีเดียวสองหรือสามคน ต้องให้เกียรติผู้หญิงและครอบครัวของเขา เพราะแม่เองก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรต้องคิดถึงแม่ด้วย เพราะไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ต่ายก็ยังอยากให้ลูกเป็นสุภาพบุรุษเสมอ”